account_circle
ทีมนักวิจัยจากศูนย์โรคเซลล์ประสาทเสื่อมแห่งประเทศเยอรมนี ค้นพบว่า ลูกหนูทดลองที่เกิดจากพ่อแม่ออกกำลังกายและฝึกลับสมองอยู่เสมอนั้น มีความสามารถสูงกว่าลูกหนูกลุ่มอื่น ๆ
โดยก่อนหน้านี้มีผลงานวิจัยที่ยืนยันว่า การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะในกลุ่มที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปนั้น ส่งผลดีกับสมอง ส่วนการฝึกฝนเล่นเกมปริศนาต่าง ๆ นั้นก็สามารถช่วยชะลอเวลาการเกิดโรคสมองเสื่อม รวมทั้งลดความเป็นในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ลงได้
ศาสตราจารย์อันเดร ฟิซเซอร์ ผู้นำทีมนักวิจัยได้บอกว่า การพัฒนาการสมองที่ดีขึ้นของลูกทดลองที่ว่านี้ เป็นการถ่ายทอดคุณลักษณะจากพ่อแม่ไปสู่ลูกโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หากแต่เป็นปรากฎการณ์เอพิเจเนดิกส์ (Epigenetics) ซึ่งผลจากปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ นอกเหนือจากพันธุกรรมถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูกได้ โดยดีเอ็นเอที่ถูกต้องส่งไม่เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
พร้อมกับได้อธิบายต่ออีกว่า ลักษณะของสมองที่เรียนรู้ได้ไวนั้น ถูกถ่ายทอดผ่านโมเลกุลในอาร์เอ็นเอ (RNA) ซึ่งอยู่ในตัวอสุจิของพ่อ ทำให้เซลล์ประสาทสมองของลูกมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวเพื่อสื่อสารกันได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมองส่วนฮิปโปแคมปัสซึ่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้
แม้ว่าเรื่องนี้จะมีความเป็นไปได้สูง แต่ทีมผู้วิจัยระบุว่า ยังคงต้องศึกษาต่อเพิ่มเติมกันไปอีกว่ายังคงต้องศึกษาเพิ่มเติมอีก และควรศึกษาทดลองเรื่องของเอพิเจเนดิกส์ในมนุษย์ด้วยว่า สรุปแล้วระดับสติปัญญาเป็นผลมาจากปัจจัยอื่นที่นอกเหนือจากพันธุกรรม และการเรียนรู้ในวัยเด็กด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์มาร์คัส เพมบรีย์ จากโรงพยาบาลเด็กเกรทออร์มอนด์สตรีทในกรุงลอนดอนมองว่า ผลของการทดลองครั้งนี้อาจช่วยอธิบายปรากฏการณ์ที่ไอคิวของประชากรในสังคมอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้นในทุก 10 ปี ตลอดช่วงศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมาได้