กรณีที่คุณแม่เจ็บท้องคลอดลูกแบบกะทันหันนั้นมักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ดังเช่นข่าวที่เคยเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่ต้อง คลอดฉุกเฉิน ในรถตู้ แต่กลับพบว่าลูกน้อยเสียชีวิตแล้ว เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี เพราะแสดงถึงภาวะคลอดเฉียบพลันที่คุณแม่ต้องคอยสังเกตและระมัดระวัง
คลอดฉุกเฉิน รับมืออย่างไร?
คุณแม่ส่วนใหญ่มักเตรียมตัว และเดินทางไปโรงพยาบาลหลังจากสังเกตตัวเองได้ว่ามีอาการเจ็บครรภ์คลอด น้ำเดิน มีมูกเลือด หรือลูกดิ้นน้อยลง แต่บางครั้งการตัดสินใจอาจช้าเกินไป หรือโรงพยาบาลอยู่ไกลบ้าน และเจอปัญหารถติด ทำให้อาจมีโอกาสคลอดฉุกเฉินในรถ ซึ่งไม่มีคุณแม่คนไหนที่ปรารถนาให้เกิดขึ้น
คลอดฉุกเฉิน ที่บ้าน
ถ้าคุณแม่มีความจำเป็นที่ต้องคลอดที่บ้าน แนะนำให้รีบติดต่อโรงพยาบาล เตรียมตัวเตรียมใจและตั้งสติ คุณพ่อหรือคนดูแลใกล้ชิดที่จำเป็นต้องทำคลอดควรล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ เตรียมน้ำอุ่นไว้เช็ดตัวลูกน้อย และผ้าขนหนูหลายๆ ผืน
เมื่อถึงเวลาคลอดคุณแม่จะรู้ตัวดี ลูกน้อยจะเคลื่อนตัวมาถึงปากช่องคลอด ทำให้คุณแม่รู้สึกปวดแสบปวดร้อน ให้หายใจสั้นๆ หรือเป่าลมออกช้าๆ และใช้มือที่ล้างสะอาดแล้วคลำดูว่าหัวของลูกโผล่ที่ปากช่องคลอดแล้วหรือยัง เมื่อหัวคลอดแล้วให้คุณพ่อใช้สำลีชุบน้ำชุ่มๆ เช็ดตา และคลำรอบคอดูว่ามีสายสะดือพันอยู่หรือไม่ ถ้าพันให้ดึงหรือรูดออกให้พ้นศีรษะของลูกน้อย และอย่าแตะต้องสายสะดืออีกเด็ดขาด เพราะสายสะดืออาจหดรัดทำให้ลูกขาดออกซิเจน นอกจากนี้ห้ามดึงศีรษะ ลำตัว หรือสายสะดือของลูกน้อยเป็นอันขาด เมื่อลูกน้อยคลอดออกมาแล้ว คุณพ่อต้องจับลูกให้แน่นเพราะลูกน้อยจะตัวลื่นมาก ถ้ามีถุงน้ำคร่ำปิดหน้าลูกให้ฉีกออก แล้วลูกจะหายใจได้เอง หากลูกน้อยยังไม่ร้องทันทีหลังคลอด ให้จับตัวลูกพาดไว้บนหน้าท้องหรือต้นขาของคุณแม่ โดยให้ศีรษะอยู่ต่ำกว่าเท้า แล้วลูบหลังเบาๆ เพื่อขับมูกและกระตุ้นความดันโลหิต ซึ่งจะช่วยให้ลูกน้อยหายใจได้
หลังคลอดใหม่ คุณพ่อควรส่งลูกให้คุณแม่โอบกอดเพื่อให้ได้ไออุ่นและให้ลูกดูดนมทันที หาผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวมาห่มให้คุณแม่กับลูกน้อย เพราะการให้ความอบอุ่นกับลูกนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ถ้าอุณหภูมิร่างกายลดลงมากๆ ลูกจะเป็นอันตราย ระวังอย่าให้ลูกศีรษะเย็น คุณพ่อคุณแม่อย่าได้พยายามชำระล้างไขที่ติดตัวลูกออกและห้ามตัดสายสะดือเองโดยเด็ดขาด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณหมอ แล้วรีบเดินทางไปโรงพยาบาลทันที