4. การตรวจเลือดโดยทั่วไป
ระหว่างตั้งครรภ์ คุณอาจได้รับการตรวจเลือดค่อนข้างบ่อย เพื่อจะตรวจสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้
- ระดับธาตุเหล็ก: หากระดับของธาตุเหล็กในเลือดต่ำ คุณอาจรู้สึกเหนื่อยง่ายและเซื่องซึม คุณควรเพิ่มเมนูอาหารที่มีส่วนผสมของผักใบเขียวและเนื้อแดง คุณอาจต้องรับประทานธาตุเหล็กชนิดเม็ดเพื่อป้องกันเป็นโรคโลหิตจาง (ทาลัสซีเมีย)
- หมู่เลือดและหมู่เลือด Rh: แพทย์จำเป็นต้องทราบหมู่เลือดของคุณ และยังต้องทราบด้วยว่าเป็นหมู่เลือด Rh บวก (RH+) หรือ Rh ลบ (RH-) เนื่องจากหมู่เลือดทั้งสองชนิดนี้ไม่สามารถเข้ากันได้ หากหมู่เลือด Rh ของคุณกับลูกในครรภ์ไม่ตรงกันอาจมีโอกาสที่ร่างกายของคุณจะต่อต้านเซลล์เม็ดเลือดแดงของลูก ส่งผลกระทบต่อลูกน้อยของคุณในระยะท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ได้
- หัดเยอรมัน คุณแม่อาจเคยได้รับวัคซีนนี้ในขณะยังเด็ก แต่หากผลการตรวจเลือดชี้ว่าคุณแม่ไม่มีภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน คุณต้องหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้คนที่กำลังเป็นหัดเยอรมัน เพราะว่าอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยของคุณได้
- โรคอื่นๆ: แพทย์จะตรวจเลือดของคุณเพื่อหาโรคไวรัสตับอักเสบบีและซิฟิลิส เนื่องจากโรคสองชนิดนี้เป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ของคุณ นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะให้ตรวจหาเชื้อเอชไอวี/เอดส์ด้วย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการตรวจหรือไม่
- โรคสมองอักเสบจากเชื้อท็อกโซพลาสมา : เชื้อนี้เป็นพยาธิซึ่งติดมากับอุจจาระแมวและเนื้อที่ปรุงไม่สุก และอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ของคุณ การตรวจหาเชื้อนี้ไม่รวมอยู่ในการตรวจทั่วไป แต่คุณสามารถปรึกษากับสูติแพทย์ได้ หากคิดว่าลูกน้อยของคุณอาจมีโอกาสเสี่ยง
5. การตรวจปัสสาวะ
แพทย์จะตรวจปัสสาวะของคุณระหว่างตั้งครรภ์เพื่อดู
- โปรตีน ในปัสสาวะ ซึ่งบอกถึงการติดเชื้อหรือการได้รับเชื้อ หรือหากพบโปรตีนในปัสสาวะร่วมกับอาการอื่นๆ อาจบ่งชี้ถึงภาวะครรภ์เป็นพิษได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สูติแพทย์หรือพยาบาลผดุงครรภ์ของคุณสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่คุณได้ หรือสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับภาวะครรภ์เป็นพิษได้ที่นี่
- การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ อาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะสุดท้ายของการตั้งครรภ์ได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง คุณแม่บางท่านอาจไม่ทราบว่าติดเชื้อเนื่องจากไม่มีอาการใดๆ แต่ตรวจพบได้ด้วยการตรวจปัสสาวะและรักษาได้ง่ายด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ
- น้ำตาล หากตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะซ้ำกันหลายครั้ง อาจจะเป็นสัญญาณของเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ( gestational diabetes) ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับคุณแม่และลูกน้อยได้ การรักษาทำได้โดยง่ายด้วยการเปลี่ยนแปลงนิสัยในการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย
ทั้งนี้ การตรวจต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าเป็นไปได้ควรตรวจทุกอย่าง เพราะเป็นผลประโยชน์ของคุณแม่เอง ถ้ารู้เสียแต่เนิ่น ๆ จะได้เตรียมรับมือให้ดีมากขึ้น แต่ถ้าผลออกมาว่าลูกปกติดี คุณแม่ก็จะสบายใจและมีสุขภาพจิตที่ดีมากขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!
โฉมหน้า 15 โรคแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์
ท่านอนท่าไหนช่วยแม่ท้องหลับสบาย
ค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ ตั้งแต่ฝากครรภ์จนถึงตอนคลอด ต้องจ่ายเท่าไร?
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.babyshopathome.com