account_circle
4. ลูบหน้าท้อง
การลูบหน้าท้องจะกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของลูกให้มีพัฒนาการดีขึ้น การลูบท้องควรลูบเป็นวงกลม
5. ส่องไฟที่หน้าท้อง
ลูกน้อยในครรภ์สามารถกะพริบตาเพื่อตอบสนองต่อแสงไฟที่กระตุ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน การส่องไฟที่หน้าท้องจะทำให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นมีพัฒนาดีขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นของทารกภายหลังคลอด
6. ออกกำลังกาย
ขณะตั้งครรภ์ หากคุณแม่ออกกำลังกาย ลูกที่อยู่ในครรภ์ก็จะมีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย และผิวกายของลูกจะไปกระแทกกับผนังด้านในของมดลูก ผลดังกล่าวจะกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้พัฒนาดี
7. เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
เนื้อสมองของลูกน้อยในครรภ์มีองค์ประกอบเป็นไขมันโดยเฉพาะไขมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 60 กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ความสำคัญต่อพัฒนาการสมองของลูกน้อยในครรภ์คือ กรดไขมันที่มีชื่อว่า ดีเอ็ช เอ (DHA) ซึ่งมีมากในอาหารปลาพวกปลาทะเลและสาหร่ายทะเล และ เออาร์เอ (ARA) ซึ่งมีมากในอาหารพวกน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเม็ดทานตะวัน และน้ำมันข้างโพด การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารดังกล่าวให้เพียงพอจะทำให้ลูกในครรภ์ได้รับวัตถุดิบคุณภาพดีในการสร้างเนื้อสมองและระบบเส้นใยประสาทให้มีคุณภาพ1
หากจะบอกว่าพฤติกรรมของแม่ในช่วงตั้งครรภ์มีผลต่อพัฒนาการสมองลูกก็น่าจะเห็นด้วยทุกประการ ดังนั้นถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นเด็กที่มีสติปัญญาดี เฉลียวฉลาดกับทุกเรื่อง ก็ต้องเริ่มกันตั้งแต่ตอนที่ลูกนอนอุ่นๆ อยู่ในมดลูกของแม่นี่แหละค่ะ อะไรที่ทำแล้วดีกับพัฒนาการลูกในทุกๆ ด้าน ขอให้ทำเพื่อลูก อย่ารอเวลาให้ลูกคลอดออกมาแล้วค่อยไปกระตุ้นส่งเสริมให้ลูก ซึ่งอาจจะได้ผลอยู่ แต่จะดีมากกว่าหากลูกจะสมองดีกันมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในท้องของแม่ …ด้วยความใส่ใจและห่วงใยค่ะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก!
ส่งเสริมให้ลูกเล่น ขวบปีแรก พัฒนาการสมองดี
10 ปลาไทย โอเมก้า 3 สูง! บำรุงสมองสดใส หัวใจแข็งแรง
เล่นกระบะทราย พัฒนาสมองลูก ได้จริงหรือ?
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
1รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล.อยากกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง. si.mahidol