สิ่งที่ต้องคิดก่อนซื้อมือถือให้ลูก
- อายุ
ควรรอจนเขามีความรับผิดชอบที่จะดูแลของๆ ตัวเองได้ เพราะฉะนั้นถ้าเด็กเกินไปก็ไม่สมควร ควรโตพอที่จะสามารถพูดคุยเข้าใจกติกาในการใช้โทรศัพท์มือถือกับพ่อแม่ได้ ตามจริงแล้วก็น่าจะเป็นช่วงเข้าชั้นมัธยมเป็นต้นไป
ชมรมจิตแพทย์เด็กมีข้อกำหนดแนะนำว่า ไม่ควรให้เด็กอายุน้อยกว่า 3 ปีใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับจอทุกชนิด เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ ทีวี
ในเด็กเล็ก การให้เด็กใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านี้มากๆ จะทำให้เด็กมีความเสี่ยงที่จะพูดช้า มีสมาธิไม่ดี
- ต้องตั้งกฎกติกากับเด็กให้ชัดเจนก่อนจะซื้อให้
บอกลูกว่าโทรศัพท์มือถือที่ให้นี้เป็นของพ่อแม่ ดังนั้นพ่อแม่จะมีสิทธิ์เอาคืนและตรวจสอบได้ในกรณีที่จำเป็น และควรกำหนดกติกาที่ชัดเจน อาจจะต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
เช่น ควรมีเวลาใช้ที่ต้องเป็นกฎ อาทิ ต้องงดใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น ระหว่างกินข้าว หลังสี่ทุ่ม ต้องปิดเครื่อง
จำกัดค่าโทรศัพท์ของลูก หากค่าโทรศัพท์เกินวงเงิน ควรให้เด็กเป็นคนรับผิดชอบตรงนั้น เขาจะได้เรียนรู้ที่จะควบคุมค่าใช้จ่าย
บอกลูกว่าพ่อแม่มีสิทธิ์ที่จะขอดูโทรศัพท์มือถือของลูกในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เพราะบางครั้งอันตรายหลายๆอย่าง ก็เกิดขึ้นจากการติดต่อทางโทรศัพท์
เด็กต้องรับทราบและยอมรับกฎเหล่านี้ ก่อนที่เด็กจะได้โทรศัพท์มือถือ และกำหนดกติกาว่าถ้าไม่ทำตามที่ตกลง พ่อแม่จะยึดโทรศัพท์ เป็นข้อตกลงกัน
- ถ้าอยู่ดีๆ ก็ซื้อให้ และไม่ได้ตกลงกติกาการใช้กันให้ชัดเจนก่อน เด็กมักจะควบคุมการใช้ไม่ได้ เพราะใช้แล้วสนุก เพลิน จนติดมือถือ กลายเป็น โรคสังคมก้มหน้าอย่างที่เห็น ต้องมาทะเลาะกันกับพ่อแม่ให้หงุดหงิดและเครียดกันไปทั้งสองฝ่าย
- ปลูกฝังและทำเป็นตัวอย่างเรื่องมารยาทในการใช้โทรศัพท์มือถือ
เช่น การปิดโทรศัพท์ในที่ประชุม โรงหนัง ที่สาธารณะ
เด็กที่โตขึ้นถ้าใช้โทรศัพท์มือถือนานๆ พบบ่อยๆ สิ่งที่มาหาคือเรื่องปัญหาการนอน นอนไม่เป็นเวลา เด็กมักไม่ได้ออกกำลังกาย มัวแต่นั่งหรือนอนเล่นมือถือ เป็นโรคอ้วน กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ขาดการพัฒนาตามวัยอย่างเหมาะสม
อย่าลืมคิดสักนิดก่อนจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกนะคะ
#หมอมินบานเย็น เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
โทรศัพท์มือถืออันตราย กับลูกน้อยจริงหรือไม่?
ต้นเหตุลูกพูดช้า เพราะดูทีวี มือถือ และแท็บเล็ต ประสบการณ์จากคุณแม่
Smart Phone แก้ปัญหาลูกติดมือถือใน 7 วัน