พอเห็นผลสแกน และได้รับฟังคำอธิบายผลต่างๆ ไปทีละนิ้วจึงทำให้ถึงบางอ้อเลยว่า อ๋อ ทำไมลูกเราเป็นแบบนี้! อ๋อ ที่เราพยายามผลักดันลูก แต่ลูกยังไม่กระตือรือร้นเป็นเพราะแบบนี้! นั่งฟังเจ้าหน้าที่จนจบ ตนเองนึกเสียดายเวลาที่เราพลาดไปมาก มัวแต่เสียดายเงินนั่งเฝ้าแต่โทษตัวเองว่าที่ลูกเป็นแบบนั้นแบบนี้ เป็นเพราะยังเลี้ยงลูกไม่ดีพอ แท้จริงแล้ว สิ่งที่ลูกเป็น 50% มาจากต้นทุนของเขาตั้งแต่เกิดนั่นเอง
ที่ลูกกลัวอะไรไว้ก่อน เพราะเค้ามีลายนิ้วมือที่ต้องการความมั่นคงในจิตใจ… ที่ลูกชอบสั่ง ไม่ฟังใครเพราะเค้ามีความเป็นผู้นำสูง… ที่ลูกขี้อวด เพราะอยากได้การยอมรับ ชื่นชมจากพ่อแม่และคนรอบข้าง… หลายๆ อย่างที่เราติดขัดในใจ แก้ไขปัญหาแล้วไม่ได้ผลก็ถูกปลดล็อคในวันนี้ ผลสแกนลายนิ้วมือ ทีละนิ้วของลูก ทำให้แม่ที่เข้าใจลูกแล้ว ยิ่งเข้าใจมากยิ่งขึ้น เป็นการเปิดใจ รับรู้และปล่อยวาง ยอมรับในเวลาเดียวกัน เปิดใจว่าลูกเป็นแบบนี้โดยทางพันธุกรรม รับรู้ว่าเค้าจะต้องทำแบบนี้เป็นแบบนี้ ปล่อยวาง ไม่บังคับ หรือกะเกณฑ์ หรือวางแผนใดๆ จนเกินพอดี ยอมรับในตัวตน และสิ่งที่ลูกเป็น ปรับตัวปรับใจของพ่อแม่เอง เพื่อเข้ากับตัวของลูกให้มากที่สุด และมองเห็นทางเลยว่า เราควรจะพาลูกเดินไปตรงไหน ให้มั่นคง และถึงเส้นชัยได้ดีและปลอดภัยที่สุด อะไรที่ควรเพิ่ม อะไรที่ควรเลี่ยง อะไรที่ไม่ควรเสี่ยง
มาถึงตรงนี้ ต้องขอบคุณ เทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือมากๆ ค่ะ ที่เปิดโลกทัศน์ให้แม่อย่างเรา รู้ว่าเราควรจะส่งเสริมพัฒนาการ ศักยภาพให้ลูกในทิศทางใด
ขอบคุณเพื่อนสาว ที่มาชักชวน และแนะนำสิ่งดีๆ ที่เพื่อนพึงมีต่อกัน
ขอบคุณตัวเองเป็นที่สุด ที่วันเวลาทำให้เปลี่ยนมุมมอง และเปิดหู เปิดใจตัวเองให้กว้าง เพื่อเปิดรับสิ่งดีๆ สำหรับลูก เพราะถ้าไม่ลองสแกนลายนิ้วมือวันนั้น แม่คนนี้ยังคงไม่เข้าใจลูกไปอีกนาน