โรงเรียนอนันตา สุดยอดโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ และ Child - Friendly School - Amarin Baby & Kids

โรงเรียนอนันตา สุดยอดโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ และ Child – Friendly School

event

โรงเรียนอนันตา สุดยอดโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ และ Child – Friendly School ที่ทุกการหยิบจับของเด็ก ๆ คือ การเรียนรู้และการพัฒนา EF อย่างยั่งยืน

วันนี้ทีมแม่ ABK ขอพาทุกครอบครัวมาสูดอากาศสดชื่นที่ “ โรงเรียนอนันตา ” เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โรงเรียนทางเลือกวิถีไทยแนวผสมผสาน ที่เน้นคุณภาพของผู้เรียนด้วยระบบ “มอนเตสซอรี่” และ “การเรียนรู้แบบบูรณาการ”

โรงเรียนที่จะสร้างเด็กให้เติบโตอย่างงดงามตามศักยภาพของตน รู้จักตัวเอง เคารพผู้อื่น เป็นผู้ให้ มีนิสัยใฝ่รู้ สร้างสรรค์ บากบั่น ไม่ย่อท้อ เพราะการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีนั้น..ต้องใช้เวลา

วันนี้คุณพ่อคุณแม่จะได้ทราบถึงการจัดการเรียนรู้ที่จะทำให้เด็ก ๆ สนุกและมีสมาธิไปพร้อมกัน การเชื่อมโยงการเล่นกับวิชาการ..ความรู้ที่จับต้องได้ นิสัย วินัย พัฒนาการที่สร้างได้ และความสำคัญและความสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่างบ้านและโรงเรียน

โรงเรียนอนันตา เป็นโรงเรียนนำร่องหลักสูตรฐานสมรรถนะ นวัตกรรม และยังเป็นโรงเรียนเพื่อเด็ก ( Child – Friendly School ) ที่มุ่งหวังให้นักเรียนทุกคนเรียนรู้อย่างมีความสุข รักการเรียนรู้ มีคุณธรรม จริยธรรม ในบรรยากาศการเรียนการสอนแบบ “สังคมแห่งการเรียน + ร่วม”

น้องเล็กเตรียมอนุบาลและงานของเค้า
นักเรียนชั้นอนุบาลกำลังทำกิจกรรมที่ตนเองวางแผนไว้
ชั้นเรียนคละอายุของ ป.ต้น เมื่อวางตารางเรียนหน่วยเดียวกัน ก็จะมารวมกลุ่มกัน แต่ชิ้นงานจะแตกต่างกันค่ะ
พี่ ป.ปลาย จะใช้อุปกรณ์ที่เป็นรูปธรรมน้อยลงมาก อุปกรณ์ก็จะเรียบง่ายขึ้น เพราะตามพัฒนาการสามารถเชื่อมโยงและเข้าใจ Concept นามธรรมได้ดีขึ้นมาก

Montessori ที่แท้จริง ( การจัดการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่ และ การเชื่อมโยงการเล่นกับวิชาการ )

  • FREEDOM WITHIN LIMIT อิสระภายใต้กฎเกณฑ์ เด็ก ๆ สามารถเลือกกิจกรรมได้ตามใจ แต่ต้องไม่รบกวนผู้อื่นขณะทำงาน เล่นเสร็จแล้วต้องเก็บอย่างเรียบร้อย ( พร้อมให้คนอื่นใช้งานต่อ ) เป็นต้น
  • กิจกรรมถือเป็นส่วนสำคัญ ที่เด็กเล็กจะเรียนด้วยร่างกายทั้งหมด โดยเน้นทางด้านการฝึกฝนทางประสาทสัมผัส กิจกรรม หรืองานที่เด็กทำจะต้องมีความหมาย
  • เด็กจะได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง จากการใช้สื่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้เด็กเข้าใจง่ายค่ะ
  • เรียนรู้ผ่าน “มือ” เพราะเด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้ทุกอย่างผ่านมือของตัวเอง โดยมีคุณพ่อคุณแม่และครูเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้และทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
  • เด็กจะรู้สึกมีอิสระในการหยิบจับอุปกรณ์ที่เขาสนใจมาทำ- หากทำไม่ได้ เด็กจะนำไปเก็บและหยิบอุปกรณ์ชิ้นอื่นมาแทน ( เป็นไปตามพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก )
  • คุณครูต้องเข้าใจอุปกรณ์มอนเตสซอรี่อย่างทะลุปรุโปร่งจึงจะถ่ายทอดให้เด็ก ๆ ลงมือทำ ( จนเกิดเป็นความรู้ ) เพราะของเล่น คือ “ความรู้” (พัฒนา concept จากรูปธรรม ไปสู่นามธรรม)
  • มอนเตสซอรี่ต้องสอนเป็นรายบุคคล ( เป็นกลุ่มเฉพาะบางเรื่อง )
  • คุณครูจะต้องนำเสนอบทเรียนอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง
  • เด็ก ๆ จะ “ นิ่งกับงาน รู้จักการลำดับก่อนหลัง ”
  • ชั้นเรียนคละอายุ ให้ช่วงอายุห่างกันประมาณ 3 ปี มีทั้งเด็กที่อายุมากกว่า เท่ากัน และน้อยกว่า เรียนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน จุดประสงค์เพื่อให้เด็กๆช่วยเหลือกัน ไม่มีการแข่งขันกันในห้องเรียน
  • พี่สอนน้อง – พี่ ๆจะมีเป้าหมาย + วางแผน develop ไปสู่ภาวะความเป็นผู้นำเพราะ “นำตัวเองได้ก่อน”
น้องอนุบาลมีสมาธิ กับงาน
มอนเตสซอรี่ต้องสอนเป็นรายบุคคล
วางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
คุณครูประจำอยู่ในห้องตลอด ถ้าติดขัด ยกมือได้!

นักเรียนอนันตาเรียนรู้อะไรบ้าง (การเชื่อมโยงการเล่นกับวิชาการ..ความรู้ที่จับต้องได้)

  • หมวด Practical Life = ชีวิตประจำวันเหมือนที่บ้านเพื่อการพึ่งพาตนเอง
  • หมวด Sensorial = ประสาทรับรู้ 5 ประเภท ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น สัมผัส เป็นหมวดงานที่เป็นพื้นฐาน ของสติปัญญา ที่จริงเป็นนามธรรมแต่ทำเป็นรูปธรรม – ให้เด็กๆสัมผัสได้ ( เรียนรู้ได้ ) เป็นหมวดงานที่เป็นระบบระเบียบ ว่าด้วยเรื่องของลำดับและขั้นตอน ดังนั้นการจัดวางอุปกรณ์สำคัญนะคะ ต้องลำดับ บน – ลง – ล่าง และ ง่าย – ไป – ยาก
  • หมวดภาษา ( Language ) ประกอบด้วย 3 หมวดงานคือ ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาอ่าน โดยเด็กสามารถจำสัญลักษณ์และเสียงได้ โดยมีเทคนิค 3 ขั้นตอน คือ 1. ขั้นแนะนำ 2. ฝึกหัดปฏิบัติ 3. ให้เด็กพูด
  • หมวดคณิตศาสตร์ สัญลักษณ 0-9 และปริมาณ 1-10 | การนับต่อเนื่อง 1-1000 รู้ปริมาณและคุณภาพ | การนับรูปร่างรูปทรง การนับตู้โซ่ | การจำขึ้นใจ โดยจำผลขององค์ประกอบตัวเลขที่สำคัญของผลบวก ผลลบ ผลคูณ ผลหาร | หนทางสู่นามธรรม
  • Life Skills “ต้องฝึก และ coaching โดยคุณครู ทำซ้ำทำบ่อย จึงจะเกิดทักษะชีวิต
หมวดชีวิตประจำวัน
หมวดประสาทรับรู้
หมวดภาษา
หมวดคณิตศาสตร์
การทำการเกษตร คือการเรียนรู้ที่จะปลูก – สร้าง – ศึกษาวัฏจักร – รักษาสิ่งแวดล้อม รักษ์โลก

เด็กปฐมวัย

2-3 ปี Nursery หรือ เตรียมอนุบาล เพราะเด็กๆยังมีทักษะน้อยจึงเน้น “ส่งเสริมภาษาเพื่อให้สื่อสารได้” และการเตรียมความพร้อมด้วยการฝึก Practical Life ผ่านการเคลื่อนไหวทั้งวัน

  • การเล่น = การเรียนรู้ คือการฝึกประสบการณ์และพัฒนา EF ในคราวเดียวกันด้วย (ยับยั้งชั่งใจ ตอนรอคอยทำกิจกรรม)
  • ลำดับการเรียนรู้ : สอนให้เด็กๆรู้จัก 1. ของจริง 2. ของจำลอง 3. ของเสมือนจริง เพื่อสะสมคำศัพท์ให้เด็กๆ
  • นิทานสลับสับเปลี่ยนเป็นประจำ – เพิ่มคลังคำให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ
  • เน้นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก : หมวดมือกับตา หมวดเตรียมอาหาร หมวดสิ่งแวดล้อม หมวดศิลปะ = เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้นิ้วมือ

3-6 ปี ชั้นอนุบาล กิจกรรมของเด็กๆ เน้นไปที่ Practical Life ชีวิตประจำวันเหมือนที่บ้าน คือการพึ่งพาตัวเอง ผ่านการตัก – เท – เคลื่อนไหว – นิ้วมือประสาน

  • ของเล่น / อุปกรณ์ คือความรู้
นักเรียนกำลังหากิจกรรมที่ตัวเองต้องการค่ะ
ฝึกเขียนเลขอารบิก
ห้องอนุบาลห้องนี้มีนักเรียน 55 คน แต่ไม่มีความวุ่นวายเลยนะคะ
มุมรักษาสิ่งแวดล้อม ให้อาหารปลาและรดน้ำต้นไม้
ระเบิดพลังเวลาพัก

ชั้นประถมศึกษา

  • การเรียนรู้แบ่งเป็นหมวด คณิตศาสตร์ | เลขาคณิต | ชีววิทยา + วิทยาศาสตร์ | ประวัติศาสตร์ + สังคม | ภาษา
  • หน่วยการเรียนรู้จะไม่ “ทับซ้อน” กัน ถ้าเรียนรู้ไปแล้ว เด็กๆจะไปทำงานอื่นแทน เช่น การเรียนรู้ที่ออกแนวลงมือทำ ปฏิบัติ จะเรียนในวิชา กพอ. (การงานพื้นฐานอาชีพ) หรือ บทเรียนที่เกี่ยวข้องกับนามธรรม – ก็จะเรียนรู้ในหน่วยวิทยาศาสตร์
  • ป.ต้น – อุปกรณ์เยอะกว่า ยังต้องใช้ความเป็นรูปธรรมเพื่อเชื่อมโยงกับนามธรรม – มีมุมสืบค้น มุมหนังสือ
  • ป.ปลาย – อุปกรณ์จะน้อยลง เรียนรู้รูปแบบนามธรรมมากขึ้น
  • วิชา “สังคม” มีความปราบเซียนระดับหนึ่ง แต่ไม่เป็นปัญหาที่โรงเรียนอนันตาเลยค่ะ เพราะ ครูจะทำ “สื่อ” เพื่อให้เด็กๆเข้าใจยิ่งขึ้น จากการถาม background ต่าง ๆ ชวนเด็ก ๆ พูดคุยก่อน
  • ครูวางแผนการเรียนรู้ “เป็นรายปี” ตามหลักสูตรแกนกลาง และทำออกมาเป็นแผนการสอน (Planning)
  • วันจันทร์เช้าครู Homeroom ว่าสัปดาห์นี้มีกิจกรรมอะไรที่ต้องเรียนรู้ – เด็ก ๆ เลือกเรียนอย่างไรก็ได้ “ ให้ครบ ” แล้วมาสรุปกันค่ะ
  • ตอนเช้ามาวางแผนกันทุกวัน (วางเอง) และช่วงบ่าย เด็ก ๆ จะรู้แล้วว่าตัวเองขาดกิจกรรมอะไร
  • ทุกเย็นมารีวิวกันว่าวันนี้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ครบ ไม่ครบ ทุกอย่างอาจไม่เป็นไปตามแผน ( เรื่องปกติ – critical thinking หาวิธีจัดการ )
  • ป.1,2,3 เขียนบันทึกการเรียนรู้ด้วยนะคะ ว่าเรียนรู้อะไรแล้วบ้าง ( ได้เปรียบเพราะโรงเรียนสอนประสมคำตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วค่ะ )
  • นักเรียนเช็ค ครู double check คอยเช็คด้วยว่า งานนั้นทำหรือยัง มาทำมั้ย?

จะสังเกตได้ว่าพี่ ๆ ชั้นประถมจะเรียนกันเป็นกลุ่มส่วนใหญ่ แม้จะเป็นวิชาเดียวกันแต่ระดับความยากง่ายของงานแตกต่างกันนะคะ

Brain Based Learning ยิ่งคิด ยิ่งสนุก

  • STEAM (Science ,Technology, Engineering, Art , Mathematics ) สอดแทรกอยู่มอนเตสซอรี่โดยปริยายอยู่แล้ว เพราะในแต่ละกิจกรรมหรืองานที่เด็ก ๆ ทำ เป็นการบูรณาการหลายศาสตร์ในคราวเดียวกัน
  • Climate change เป็นอีก 1 วิชาที่เรียนในช่วงปิดเทอม เพราะทุกวันนี้เราต่างรู้ดีว่าโลกของธรรมชาติกำลังนับถอยหลัง เด็กควรได้รับการปลูกฝังเรื่องการรักษาและคงอยู่ของธรรมชาติเพื่อประโยชน์ของการดำเนินชีวิตในอนาคต – มีการจัดทำ theme ขึ้นมา ให้เด็ก ๆ ช่วยกันวิเคราะห์ ผลคือ เด็ก ๆ คิดได้หลากหลายมาก ว้าวจนผู้ใหญ่ทึ่ง!

ตัวอย่างกิจกรรมสนุก ๆ

  • ตลาดนัดนักเรียน – ฝึกเป็นผู้ประกอบการ บัญชีรายรับรายจ่าย
  • นักสืบสายน้ำ – เรียนรู้นวัตกรรมชุมชน “คลองแสนแสบ” + เชื่อมโยงวิชาอื่น ๆ ด้วย ( เด็กเล็ก : เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำ สิ่งมีชีวิต เด็กโต : เรียนรู้เกี่ยวกับแหล่งกำเนิดต้นน้ำและลงลึกไปถึงชีววิทยา )

Project Approach

เริ่มจาก

  • สำรวจความสนใจทั้งชั้นก่อน
  • ครูจัดกลุ่มความสนใจแล้วมา vote กัน
  • เมื่อได้หัวข้อแล้วเด็ก ๆ จะเริ่มต้นค้นคว้าหาข้อมูล เช่น เด็กเล็กพูดคุยกับผู้ปกครอง เด็กโตสืบค้นจาก internet หรืออ่านหนังสือ ได้หมดค่ะ
  • ไปทัศนศึกษา
  • กลับมาแล้วค้นคว้าทั้งที่บ้านและโรงเรียน ( ถ้าไม่มีการจัดทัศนศึกษาจะเปลี่ยนเป็นการจัดกิจกรรมอื่น ๆ และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมกันเอง)
  • ตัวอย่างโครงงานของพี่ประถม : ไดโนเสาร์ หมู่จันทร์ ดวงดาว อาหารสัตว์ อิตาลี กีฬา ( เด็กโต )
  • การ present โครงงาน (ช่วงเช้า – ผู้ปกครองเข้าชมและรับฟัง ช่วงบ่าย – นำเสนอเพื่อน ๆ พี่ๆ น้องๆ ) เด็ก ๆ จะได้ฝึกเรียบเรียงความรู้ เตรียมตัว และฝึกการนำเสนอ
  • เด็กเล็กห้องเดียวกัน ทำ theme เดียวกันช่วยกันประดิษฐ์ (นักเรียน ครู ผู้ปกครอง) เด็กโต : เป็นกลุ่มก็ได้ หรือจะเดี่ยวก็ได้
  • โครงงาน + ทัศนศึกษา เทอมละ 1 ครั้ง
ความสมบูรณ์ของธรรมชาติเอาไปเลยค่ะ เต็ม 100%
โครงงานและผลงานของนักเรียน

นิสัย วินัย + พัฒนาการที่สร้างได้ (จากการสังเกตและบันทึกอย่างละเอียดของคุณครู)

แผนการสอนของคุณครูจะมีวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้อย่างชัดเจน เช่น บทเรียน – เตรียมอาหาร ที่ประกอบไปด้วยกิจกรรม ปอกเปลือกไข่, บดเปลือกไข่ การทาเนยขนมปัง คั้นน้ำส้ม ทำเส้นพาสต้า ล้างจาน ฯลฯ จะมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็ก ๆ รู้จักชื่ออุปกรณ์ วัตถุดิบและขั้นตอนในการเตรียมอาหาร เด็ก ๆ สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีสมาธิในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ดูแลตนเอง ผู้อื่น สิ่งแวดล้อม + เรียนรู้มรรยาทในการรับประทานอาหาร

  • ระหว่างนักเรียนทำกิจกรรม จะมีคุณครูคอยให้บทเรียน 1 คน และคุณครู observe 1 คน สลับหน้าที่กัน
  • คุณครูสอนเพื่อให้ประสบการณ์ก่อนทุกอย่าง ( How to ) อย่างละเอียดเป็นรายคน
  • คุณครูประจำอยู่ในห้องตลอดเวลา หากเด็ก ๆ ติดขัด ทำไม่ได้ จะยกมือหรือไปหาคุณครู และ
  • แต่ถ้าหากคุณครู observe อยู่ เด็ก ๆ จะทราบว่าเวลานี้จะยังเรียกไม่ได้ ( เรียนรู้การยับยั้งชั่งใจ อดทนรอคอย )
  • คุณครูจะสังเกตและจดบันทึกอย่างละเอียด – เพื่อดูและประเมินพัฒนาการของนักเรียนในระยะยาว ( บุคลิก นิสัยและความก้าวหน้าในการเรียนรู้ )
  • แม้นักเรียนสามารถเลือกวางแผนการทำงานก่อนหลังเองได้ แต่สุดท้ายต้องทำให้ครบทุกกิจกรรมคุณครูกำหนดไว้ คุณครูจะคอยเช็คและคอยเตือนอยู่เสมอ

คุณครูที่โรงเรียนอนันตาจึงรู้จัก และเข้าใจนักเรียนของตนเองเป็นอย่างดีว่าจุดไหนต้องปรับ เสริม หรือสนับสนุน นักเรียนแต่ละคนมีความแตกต่าง คุณครูจึงต้องเรียนรู้ไว ปรับตัวเอง สร้างสรรค์และมีวิธีที่หลากหลายในการ approach เด็ก ๆ เช่นกัน

ดร.มัณฑริกา วิฑูรชาติ ผู้อำนวยการโรงเรียน

บ้านและโรงเรียน (ความสำคัญและความสัมพันธ์สุดพิเศษ)

การปฐมนิเทศที่ไม่เหมือนใคร และได้ประโยชน์ ! ที่โรงเรียนอนันตาไม่มีหรอกค่ะที่จะให้ผู้ปกครองนั่ง passive การประชุมผู้ปกครองของ แต่ละบ้านต้องจับกลุ่ม เรียนรู้กันกลุ่มละ 1 เรื่อง และขึ้นมานำเสนอให้บ้านอื่นๆฟัง ( แต่ละกลุ่มก็จะ expert ในเรื่องที่ตัวเองศึกษา ) สนุกแน่นอน ได้ความรู้แน่นกระเป๋า ( โรงเรียนจะจัดเอกสารสรุปการเรียนรู้ให้ผู้ปกครองกลับบ้านด้วยเช่นกันค่ะ )

Private Meeting การพูดคุยกันระหว่างบ้านและโรงเรียนในเรื่องความก้าวหน้าของเด็ก ๆ เป็นรายบุคคล ( จุดที่พ่อแม่เห็น vs. ครูเห็น)

โปรแกรม “จากกันไม่มีน้ำตา” No cry, Bye bye tears ให้ผู้ปกครองของน้องเล็กมาทำกิจกรรมร่วมกัน 3 วัน ก่อนที่เด็ก ๆ จะเข้าชั้นเรียน

Project Approach ของนักเรียน ทางโรงเรียนได้เชิญผู้ปกครองมาชมผลงานด้วย (ช่วงครึ่งเช้า)

มีกิจกรรมจำนวนมากที่ออกแบบมาให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ เป็นผู้เรียนรู้ แต่ทุกคนสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ และคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้เห็นบุคลิกใหม่ ๆ ของลูกที่ทำให้อดยิ้มตามไม่ได้

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  • โรงเรียนอนันตามีชื่อเสียงด้านการจัดการเรียนรู้แบบ Child-Centered และพัฒนาศักยภาพของนักเรียนในระดับสากล เป็นสถานที่ศึกษาดูงานจากคณะโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศไทย (และต่างประเทศด้วยเช่นกัน)
  • เป็นโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ที่ด้านวิชาการยอดเยี่ยม ( เด็ก ๆ มี Passion ที่อยากเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ )
  • บุคลิก นิสัย และพัฒนาการ ก้าวหน้าขึ้นพร้อมกัน เด็กมีสมาธิมากเวลาทำงานหรือกิจกรรม และมีความอดทน พยายาม ไม่ย่อท้อ
  • สภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมดี : ต้นไม้ อากาศ ท้องนา ท้องฟ้า ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร
  • เด็ก ๆ สามารถวางแผนได้ด้วยกันเอง สามารถเลือกได้ว่าอยากจะทำอะไรก่อนหรือหลัง
  • มีคุณครู Support อยู่เสมอ เมื่อติดขัดหรือทำไม่ได้ เด็ก ๆ สามารถยกมือขอความช่วยเหลือจากคุณครูได้ ทำให้เด็ก ๆ กล้าที่จะเรียนรู้

ค่าเล่าเรียนต่อปี ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ (1 ปีการศึกษามี 2 เทอม)

  • เตรียมอนุบาล ประมาณ 60,000 บาท ต่อปี
  • อนุบาล ประมาณ 75,000 บาท ต่อปี
  • ประถมศึกษา ประมาณ 80,000 บาท ต่อปี

รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อโรงเรียนอนันตาโดยตรง

โรงเรียนอนันตา ซอยเลียบวารี 79 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก จังหวัดกรุงเทพมหานคร

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up