ดรุณสิกขาลัย โรงเรียนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ ที่พัฒนาเด็กไทยให้ สมบูรณ์ด้วยความคิด เป็นกัลยาณมิตรอย่างมีความสุข
เพราะเด็กแต่ละคนมีศักยภาพที่แตกต่างกัน การสอนให้เด็กทำตาม ๆ กันไปในยุคนี้ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับโลกในอนาคต วันนี้ทีมงาน School Visit จะพาไปเยี่ยมชม “โรงเรียนดรุณสิกขาลัย” โรงเรียนที่ตอบโจทย์ทั้งในยุคปัจจุบันและอนาคต โรงเรียนที่จะสร้างเด็กให้มีความเป็นผู้นำ มีความคิดเป็นของตนเอง บูรณาการด้วยวิชาการ เทคโนโลยี ภาษาอังกฤษ และควบคู่ไปกับการหล่อหลอมความเป็นไทย คุณธรรม จริยธรรม และสังคมสีเขียว ช่วยพัฒนาเด็กไทยให้เป็นคนดีและเก่ง เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ของประเทศและของโลกกันค่ะ
โรงเรียน ดรุณสิกขาลัย ก่อตั้งโดย คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2543 โดยมีแนวความคิดอยากให้เด็กไทย คิดเป็นทำเป็น และอยากพัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองโลก แต่รูปแบบการเรียนการสอนในยุคนั้นยังเป็นรูปแบบท่องจำและไม่พัฒนาเด็กเท่าที่ควร เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณอายุจึงได้อุทิศตนทำงาน ทำประโยชน์และพัฒนาประเทศชาติ โดยนำเอาการเรียนรู้แบบ Constructionism จาก MIT Media Lab ประเทศสหรัฐอเมริกา
มาสร้างโรงเรียนต้นแบบ เพื่อพัฒนาเด็กไทยให้เป็นคนดีและเก่ง เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ของประเทศและของโลก และสามารถสู้ได้ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กว่า 24 ปี จากโรงเรียนเล็ก ๆ มีนักเรียนเพียงไม่กี่คน ก็ประสบความสำเร็จขยายผลจนเป็นดรุณสิกขาลัยในปัจจุบัน
โรงเรียนดรุณสิกขาลัย ดำเนินการสอนแบบ 2 ภาษา ( ไทยและอังกฤษ ) โดยเป็นโครงการนำร่องที่ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือระหว่าง MIT Media Lab มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มูลนิธิศึกษาพัฒน์ และมูลนิธิไทยคม มีวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งพัฒนาเด็กไทยให้เป็นพลเมืองโลกและพลเมืองไทยในคนๆ เดียวกันที่รักษาความเป็นไทยไว้ได้ ด้วยวิธีการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้แบบ Constructionism ซึ่งคิดค้นจากผลงานการวิจัยโดย Professor Seymour Papert แห่ง MIT Media Lab และการบริหารจัดการองค์กรตามหลักการ Learning Organization ซึ่งคิดค้นจากผลงานการวิจัยโดย Peter M. Senge แห่ง MIT Sloan School of Management
บรรยากาศโรงเรียน
วัยประถมพัฒนารอบด้าน
จุดเด่นของเด็กประถมที่ ดรุณสิกขาลัย คือ การเรียนที่จะช่วยพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ โดยพัฒนา 3 ฐาน คือ ร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา จุดเริ่มต้นให้เด็กเห็นคุณค่าและเชื่อมั่นในตัวเอง เปิดกว้างและเข้าใจผู้อื่น ด้วยการสร้างพื้นภูมิที่ปลอดภัย ให้เด็ก ๆ ได้แสดงความคิดเห็น ความนึกคิดของตนเองและมี Self-awareness ตระหนักรู้ตนเองผ่านการสะท้อนย้อนคิด Reflection เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้หลาย ๆ ศาสตร์ โรงเรียนจะนำการบูรณาการเอาศาสตร์ต่าง ๆ มาทำเป็นธีมในการสอน สำหรับเด็กเล็กจะได้เรียนรู้จากเรื่องใกล้ตัว เรื่องเกี่ยวกับตนเองและค่อย ๆ ขยายการเรียนรู้ไปรอบ ๆ ตัว เพื่อเชื่อมโยงตัวเองกับครอบครัว สังคมและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ดรุณสิกขาลัยเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง โดยนำทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ด้วยปัญญา (Constructionism) มาปรับใช้ เด็ก ๆ จะได้คิดโปรเจคขึ้นมาตามความสนใจของตนเอง (Project-based Learning) และนำเอาเรื่องที่ตนเองได้เรียนรู้มาตลอดทั้งเทอม มาเชื่อมโยงกัน และนำเสนอ โดยแสดงความคิดเห็นบนเวทีแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ และผู้ปกครอง เมื่อเด็กขึ้นประถมปลายก็จะทำให้เด็กรู้จักตัวเองมากขึ้น เพราะได้ผ่านการทดลองทำหลาย ๆ อย่าง การเรียนในรูปแบบนี้จะช่วยปูทางการรู้จักตนเองมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ชั้นมัธยม
ห้องเรียนเด็กชั้นประถม
คลาสเรียนดนตรี
วัดผลรอบด้าน ตามความเป็นจริง Formative assessment
โรงเรียนวัดผลเพื่อพัฒนาเด็กในระหว่างทางด้วย ไม่เน้นแค่การสอบเท่านั้น รวมไปถึงมองเด็กในหลากหลายมิติ คุณครูจะสังเกตพัฒนาการของเด็กอยู่เสมอ โดยมีเครื่องมือการเรียนรู้สำคัญ เช่น Agenda ที่เด็กจะได้ฝึกวางแผนความรับผิดชอบ ว่าในหนึ่งวันต้องทำอะไรบ้างตามลำดับ หรือ การคิดจะทำโปรเจค เด็ก ๆ ก็จะต้องหัดวางแผน ทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนสำหรับเด็กประถมปลาย นอกจากนี้ยังมี Journal บันทึกการเรียนรู้ เครื่องมือสำคัญที่คุณครูจะใช้สังเกตนักเรียนได้ดี โดยให้เด็กบันทึกในแต่ละวัน สำหรับเด็กเล็กที่ยังเขียนหนังสือไม่คล่อง ก็จะบันทึกเป็นภาพ ว่าตนอยากสื่อสารเรื่องอะไร สำหรับเด็กโตก็จะหัดบันทึกเป็นตัวอักษร
เด็กประถมล้างกล่องนมเพื่อนำไปบริจาค ยังศูนย์ต่าง ๆ
กระบวนการ 3 ขั้นตอน กระบวนการเรียนรู้Think – Make – Reflection
ขั้นตอนที่ 1 คิดและออกแบบด้วยตนเอง (Thinking or Designing) เพื่อฝึกฝนการคิดและจินตนาการ การคิดอย่างมีเป้าหมายเป็นรูปธรรม และการคิดในเชิงเหตุผล
ขั้นตอนที่ 2 นักเรียนจะต้องเป็นผู้ที่ลงมือทำด้วยตนเอง ( Making and Doing ) มีความเป็นเจ้าของในสิ่งที่ตนเองสร้างอย่างเต็มที่ โดยอาจเริ่มเรียนรู้จากสิ่งที่ผู้เรียนมีความสนใจ หรือจากปัญหาที่นักเรียนมีความสนใจเป็นพิเศษที่จะค้นหาวิธีแก้ โดยมี facilitator หรือผู้อำนวยการเรียนรู้ เป็นผู้คอยชี้แนะ ให้คำแนะนำและร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
ขั้นตอนที่ 3 กระบวนการสะท้อนความคิด (Reflecting or Contemplating) นักเรียนจะได้ฝึกฝนสะท้อนความคิด ระลึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านไป ทำให้เกิดความตระหนักในสิ่งที่ได้เรียนรู้ ได้เห็นปัญหาและหัดแก้ไขปัญหาต่าง ๆ การสะท้อนความคิดนี้จะช่วยฝึกฝนกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน ที่จะค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์จากการคิดทบทวนสิ่งที่ตนเองได้ทำ หรือรับฟังมุมมองความคิดเห็นที่แตกต่างจากเพื่อน ครู และสังคม
เด็ก ๆ ได้หัดช่วยเหลือตนเองและได้หัดช่วยเหลือผู้อื่น
มัธยมศึกษา มุ่งเน้นการหาตัวตน
สำหรับพี่ ๆ ชั้นมัธยม ใช้หลักสูตรในรูปแบบ Career Based Learning เป็นการเรียนรู้ที่บูรณาการความรู้ ประสบการณ์ทั้งจากภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ การเรียนรู้ที่จะสร้างนวัตกรที่มีหัวใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะนวัตกร ต้องไม่ใช่แค่คิดเก่ง หรือแค่ทำสิ่งใหม่ แต่สิ่งใหม่ที่คิดควรจะก่อประโยชน์ให้กับโลกและสังคม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของโรงเรียน การสอนเน้นเจาะลึกไปที่เรื่องอาชีพ ไม่ว่าเด็กอยากจะเติบโตไปเป็นใคร ทำอาชีพอะไร ก็จะเจริญงอกงามและมีความสุขกับอาชีพนั้น โดยหลักสูตรจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
- กลุ่มวิชาพื้นฐาน (Core)
วิชาเรียนอาจจะเหมือนโรงเรียนทั่วไป แต่จุดแตกต่างคือทางโรงเรียนใช้กระบวนการ Constructionism หรือการเรียนรู้ที่เด็ก ๆ ต้องลงมือปฏิบัติจนสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของตนเอง ออกแบบบนพื้นฐานของ Active Learning และมีการบูรณาการข้ามวิชา เพื่อเชื่อมโยงใหม่ ไม่ใช่การเรียนเพื่อจำไปสอบ แต่เรียนเพื่อให้รู้ว่ามันมีความสำคัญและเชื่อมโยงกับตัวเด็กอย่างไร
- วิชาโครงงาน ( Project ) หรือบ้านเรียน
เด็ก ๆ จะได้เรียนวิชาพื้นฐานจำนวน 3 วันต่อสัปดาห์ คือวันจันทร์ – พุธ และวัน พฤหัสบดี- ศุกร์ จะได้เรียนโครงงาน ให้เด็กเลือกเรียนตามความสนใจ มีทั้งแบบรายบุคคล และแบบกลุ่ม เป็นห้องเรียนแบบคละชั้น เรียนรวมกันตั้งแต่ ม.1-ม.6 บ้านเรียน ( Project House ) คือ กลุ่มของครูและเด็ก ๆ ที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน มีใจรักเรื่องเดียวกัน คล้ายกับคณะในมหาวิทยาลัย เรียนรู้จากพี่จากน้อง เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือกัน อยู่ร่วมกันแบบมีความสุข เด็กจะวางแผนโครงงานว่าจะทำอะไร วัดผลตัวเองอย่างไร โรงเรียนจะมีเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เด็กได้หัดวางแผนตัวเอง คุณครูจะคอยช่วยเหลือ เป็นโค้ชมากกว่าเป็นครูผู้สอนและยังต้องทำงานวิจัย 5 บท ที่มีลักษณะคล้าย ๆ Thesis เด็กจะได้ฝึกทำบ่อย ภายในระยะเวลา 3 เดือน ต้องทำวิจัย 1 เล่ม เด็ก ๆ จะสามารถนำวิจัยในส่วนนี้มาใส่ Portfolio เพื่อใช้ยื่นสำหรับเรียนต่อยังมหาวิทยาลัยได้ด้วย
- กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
โรงเรียนมุ่งเน้นให้เด็กมีสุนทรียภาพ และอยากสร้างโรงเรียนให้เป็นโรงเรียน Well Being School นอกจากรายวิชาพื้นฐาน (Core) และวิชาโครงงาน (Project) แล้วยังมีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ “การพัฒนาทักษะชีวิต” ซึ่งในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนี้จะมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งเสริมประสบการณ์การเรียนของผู้เรียนอย่างรอบด้าน เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ชมรม วิชาแนะแนว ซึ่งเป็นกลุ่มวิชาที่จะช่วยพัฒนาทักษะชีวิตให้กับเด็ก ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างมีความสุขและเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ห้อง Lab ขนาดใหญ่ พร้อมอุปกรณ์ครบครัน
ดรุณสิกขาลัย โรงเรียนผลิตนวัตกรที่มีหัวใจ
เด็กมัธยมที่โรงเรียนดรุณสิกขาลัย จะได้ทำงานกับหน่วยงานภายนอกจำนวนมาก ทางโรงเรียนจะหาโจทย์จริง และประสบการ์ณจริง ๆ มาให้เด็กได้ลองแก้ เช่น ยกตัวอย่างเช่น โปรเจคที่ทำร่วมกับศูนย์หลอดเลือดในสมอง ของโรงพยาบาลศิริราช ที่ทางโรงพยาบาลพยายามลดจำนวนผู้ป่วยโรค Stroke ให้กับประเทศ เมื่อเด็ก ๆ ได้โจทย์มาก็จะช่วยกันรีเสิร์ชและช่วยกันแก้ปัญหา จนพบว่าในต่างจังหวัดผู้ป่วยโรค Stroke มักจะเป็นผู้สูงอายุ ที่อยู่กับเด็กวัยเล็ก ๆ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ต้องไปทำงาน หากเด็กเล็กสามารถสังเกตอาการของคนเป็นโรค Stroke ได้ และสามารถขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1669 ได้อย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้อัตราความสูญเสียน้อยลง จึงเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ “ เด็กโตทำ เด็กเล็กใช้ ผู้ใหญ่รอด ” และสร้าง Education Toys หรือของเล่นเพื่อการเรียนรู้ ที่จะทำให้เด็กเล็กทราบถึงอาการบ่งชี้ของคนเป็นโรค Stroke โดยมีทั้งนิทานภาพ อุปกรณ์จำลอง บอร์ดเกมส์ต่าง ๆ ซึ่งงานเหล่านี้จะถูกตรวจสอบความถูกต้องทั้งเนื้อหาทางด้านวิชาการและถูกนำมาทดลองใช้จริง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนได้เป็นชิ้นงานออกมา ซึ่งปัจจุบันผลงานต่าง ๆ ของโรงเรียนจะปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของโรงพยาบาลศิริราช และปัจจุบันเด็ก ๆ ยังได้ทำงานร่วมกับหลาย ๆ หน่วยงานเพื่อช่วยเหลือองค์กรต่าง ๆ อีกมากมาย ทั้ง หน่วยงานเอกชน โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
บรรยากาศห้องเรียนชั้นมัธยม
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งมุมผ่อนคลาย มุมเล่นบอร์ดเกมส์ และห้องสมุด
DSIL FabLearn Lab@School
โรงเรียนดรุณสิกขาลัย มี FabLearn Lab ซึ่งเป็น Lab แห่งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย ที่สร้างขึ้นเพื่อปูพื้นฐานงานประดิษฐ์ให้กับเด็ก และพัฒนา Skill ต่าง ๆ ตามความสนใจ เป็นโครงการนวัตกรรมด้านการเรียนรู้ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ Stanford University ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสร้างสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมโดยใช้เครื่องมือดิจิตอลในการสร้าง Rapid Prototype ได้แก่ เครื่องพิมพ์เลเซอร์คัทเตอร์ เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องพิมพ์ ไวนิล (Vinyl) และอุปกรณ์การประดิษฐ์อื่นๆ อาทิ อุปกรณ์ช่าง งานไม้ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ Coding ,AI ,Robotic ,Design Thinking ฯลฯ ทำให้เด็กนักเรียนที่โรงเรียนดรุณสิกขาลัยมี Skill ที่หลากหลาย ทั้งทางด้านดีไซน์ คอมพิวเตอร์กราฟฟิก และอีกหลาย ๆ ด้านผสมผสานกัน
FabLearn Lab จัดเต็มด้วยอุปกรณ์สำหรับการเรียนรู้ ทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์คัทเตอร์ เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องพิมพ์ ไวนิล อุปกรณ์ช่าง งานไม้ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
บ้านเรียน ห้องเรียน ที่เปิดให้เด็ก ๆ ได้เลือกเรียนตามความสนใจ ทั้งบ้านเรียนวิศวะ บ้านเรียนศิลปะ บ้านเรียนฟิล์ม และอื่น ๆ อีกมากมาย
พัฒนาบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ
พนักงานขององค์กรเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร ” มิใช่โรงงาน เครื่องจักร เครื่องมือ อาคารสถานที่ หรือคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่สุด และมีความเชื่อว่า “เด็กไทยเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของประเทศไทย” คุณ พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการใหญ่โรงเรียนดรุณสิกขาลัย
คุณพารณ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทุกคน ทางโรงเรียนมีงบประมาณเพื่อพัฒนาครูโดยเฉพาะ มีการอบรมบุคลากร ทั้งครูและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ เป็นประจำ โรงเรียนจะจัดหาวิทยากรมาอบรมอย่างสม่ำเสมอ เพราะเชื่อมั่นว่าหากจะพัฒนาเด็ก ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาคุณครูไปพร้อม ๆ กัน
มุมอื่นๆ ภายในโรงเรียน
คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการใหญ่
Mommy’s Love This ! ถูกใจแม่
- การเรียนที่นี่ใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อให้เด็ก ๆ สนุกกับการเรียน รับรองว่าเด็ก ๆ ไม่เบื่อแน่นอน
- เด็ก ๆ ทุกคนสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น สนามฟุตบอล ห้องสมุด ห้อง LAB ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้อีกด้วย
- ในห้องเรียนทุกห้องจะมีมุมพักผ่อนของนักเรียน ให้เด็ก ๆ ได้ผ่อนคลายจากการเรียน
- โรงเรียนดรุณสิกขาลัย เป็นโรงเรียนที่ไม่แสวงหากำไร รายได้จึงถูกนำมาพัฒนาคนและโรงเรียน 100 % เด็ก ๆ ได้ผลประโยชน์เต็ม ๆ
- โรงเรียนมีนักจิตวิทยาประจำโรงเรียน เด็ก ๆ คุณครู และผู้ปกครอง สามารถสอบถามและขอคำแนะนำจากนักจิตวิทยาได้ทุกคน
- โรงเรียนทำงานร่วมกันกับผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่จะได้รับทราบข้อมูลการเรียนการสอนในแต่ละเทอม ว่าเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และพัฒนาเรื่องอะไรบ้าง และได้รับการอัพเดทจากคุณครูเกี่ยวกับพัฒนาการต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อหาแนวทางร่วมกันระหว่างบ้านและโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะแนะนำเพิ่มเติมการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้กับคุณครูได้ด้วย
- โรงเรียนมีบัตรแสกนหน้าเด็ก ๆ ทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อให้ผู้ปกครองทราบการเข้าออก สำหรับเด็กเล็กจะมีคุณครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ต้องกังวล
- โรงเรียนสอนแบบ 2 ภาษา เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาอังกฤษกับครู Native กันตั้งแต่ชั้นประถม และหัด Present ผลงานเป็นภาษาอังกฤษ ในวิชาโครงงานอีกด้วย
อัตราค่าเล่าเรียน
ประถมศึกษา 334,800 บาท / ปี
มัธยมศึกษา 368,200 บาท / ปี
( แบ่งจ่าย 3 เทอม ราคารวมทุกอย่างแล้วยกเว้น เครื่องแต่งกาย )
ที่อยู่ ดรุณสิกขาลัย
126 ถ. ประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร 10140
โทร. 02- 470- 8000
เว็บไซต์ : https://e-school.kmutt.ac.th/dsil/
Facebook : https://www.facebook.com/-dsil.kmutt
Editor : แม่เลม่อน
ภาพ : ธนายุต วิลาทัน
อ่านต่อบทความน่าสนใจ School Visit
- พาทัวร์ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด พ่อแม่ยุคใหม่ห้ามพลาด! เน้นเสริม EFs สร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีให้ลูกน้อย
- บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข
- The CREAM Bangkok คลับมหัศจรรย์ แห่งการเรียนรู้
- 5 สิ่งสุดว้าว ที่ทำให้เด็กๆ อยากมา โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี ทุกวัน!
- โรงเรียนหิ่งห้อย จาก Homeschool เล็กๆ กลายเป็น ห้องเรียนธรรมชาติ ให้เด็กๆ กว่า 100 ครอบครัว!
- โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ โรงเรียนเล็กๆ ย่านท่าอิฐ กับหลักสูตรสุดว้าว! Project Approach