โรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) โรงเรียนทางเลือกที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มาใช้ชีวิต
เรียนรู้ทักษะชีวิตและพัฒนาตนเองอย่างมีความสุข
ปูพื้นฐานและทักษะชีวิต เพื่อให้เด็กเติบโตไปด้วยความพร้อม
School Visit วันนี้จะพาทุกคนมาเจาะลึกถึงแนวทางการเรียนการสอนของโรงเรียน จิตตเมตต์ (ปฐมวัย ) โรงเรียนทางเลือกย่านตลิ่งชัน ที่หลาย ๆ คนคงรู้จักและได้ยินชื่อเสียงกันมาบ้างแล้ว โรงเรียนจิตตเมตต์เปิดทำการเรียนการสอนมากกว่า 24 ปี โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ 2543 เป็นโรงเรียนที่มุ่งมั่นพัฒนาเด็กสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และเน้นพัฒนาทักษะชีวิต ให้เด็กเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติท่ามกลางธรรมชาติ และมองเห็นคุณค่าในตนเอง ปัจจุบันเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น เตรียมอนุบาล – อนุบาล 3 ตลอดระยะเวาลาที่ผ่านมา โรงเรียนมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนามาโดยตลอด ด้วยประสบการณ์ของความเป็นครู ผสมผสานกับความเป็นแม่ ทำให้โรงเรียนมองเห็นว่าการจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ หรือการเติบโตของเด็ก ๆ ในแต่ละคนนั้น มีปัจจัยอะไรบ้าง ที่เป็นเรื่องราวที่สำคัญ
บรรยากาศภายในและภายนอกอาคารเรียน ร่มรื่น อบอุ่นและสบายตา
เรียนรวม คละชั้น คละวัย คละอายุ
โรงเรียนจิตตเมตต์ เริ่มเรียนคละอายุเมื่อปี พศ. 2562 เพราะความเป็นจริงในธรรมชาติของมนุษย์ เราต้องอยู่ร่วมกันแบบคละวัย อยู่กับผู้คนที่หลากหลาย ทั้งอยู่ร่วมกับคนวัยเดียวกัน คนที่เด็กกว่าและคนที่โตกว่า ข้อดีของการเรียนคละอายุคือเมื่อมีการอยู่ร่วมกันแบบต่างวัย เด็กๆมีการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีการเป็นต้นแบบและการได้เห็น ได้เป็นแรงบันดาลใจ การได้เป็นน้อง การได้เป็นพี่ รู้จักแบ่งปัน ช่วยเหลือ มีความโอบอ้อมเอื้ออารีต่อกัน มีเมตตาต่อกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงแม้จะมีการทำตามกันการเลียนแบบก็เป็นไปตามวัยในทักษะสังคม ขณะเดียวกันเด็กแต่ละคนก็ยังมีความเป็นตัวของตัวเอง เด็กๆมีความสามารถเลือกและประเมินตัวเองในการใช้ชีวิตได้ เช่น บางครั้งเขาอาจรู้สึกสบายใจ รู้สึกดีกว่าที่ได้เล่นกับน้องเล็ก มากกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน เพราะช่วงเวลานั้นเค้ารู้สึกเป็นฮีโร่ของน้อง ๆ รู้สึกดีกับตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเอง ซึ่งเป็นการก่อร่างสร้างตัวของคำว่า SELF การอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาตินี้เป็นเรื่องราวที่จะสอนให้เกิดขึ้นไม่ได้ เด็ก ๆ จะอยู่ร่วมกันแบบนี้ 3 ปี ในขณะเดียวกันกิจกรรมของโรงเรียนก็จะมีการทำกิจกรรมตามอายุในระดับชั้นเดียวกันด้วยเช่นกัน เช่น กิจกรรมดนตรีและการเคลื่อนไหวสำหรับอนุบาล 1 2 หรือ 3 และมีการจัดกิจกรรมเป็นคู่ห้องหรือคู่ระดับชั้น หรือทำพร้อมกันทั้งหมดในโรงเรียน
กิจกรรมวัน Free day
โรงเรียนจะมี กิจกรรม Free day ทุกวันจันทร์ เด็ก ๆ จะได้เรียนรวมกันแบบ คละห้อง คละวัย คละชั้น โดยจะมีฐานกิจกรรมให้เด็ก ๆ ทั้งหมด 6-7 ฐานบนพื้นที่ภายในโรงเรียน คุณครูจะชวนเด็กๆพูดคุยเพื่อให้ตัวเด็กเองได้ทราบข้อมูลเพื่อวางแผนลงในแผ่นบันทึกว่าสนใจฐานไหนบ้าง ซึ่งเด็กแต่ละคนอาจมีความสนใจที่ต่างกัน เด็กบางคนอาจจะอยากเข้าฐานทั้งหมด ก็ต้องวางแผนว่าอยากเข้าฐานไหนเป็นอันดับแรก จากนั้นเด็ก ๆ ก็จะไปเข้าฐานตามแผนของตัวเอง เมื่อจบกิจกรรมคุณครูก็จะชวนเด็ก ๆ มาพูดคุยและให้เด็ก ๆ ได้ประเมินตัวเองทั้งเรื่องความชอบและการทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะอะไร ตัวอย่างกิจกรรมนี้เด็กได้เรียนรู้เรื่องของอารมณ์ความรู้สึก การเลือกการตัดสินใจ การบริหารเวลา รวมถึงการได้รู้ด้วยตัวเองว่าอะไรคืออุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อการตัดสินใจ วางแผนและพัฒนาในครั้งต่อไป
ตารางกิจวัตร คือ ทักษะชีวิตอย่างหนึ่งที่เด็กจะได้เรียนรู้ว่า ในหนึ่งวันเขาจะต้องทำอะไรบ้าง
หลักสูตรสอดคล้องกับธรรมชาติและพัฒนาการของเด็ก
หลักสูตรของโรงเรียนจะถูกออกแบบขึ้นมาจากพื้นฐานทักษะชีวิตและธรรมชาติของเด็กในแต่ละช่วงวัย โดยคำนึงถึง พัฒนาการ 4 ด้าน EF (Executive Function) และ SELF โรงเรียนได้นำดนตรีและการเคลื่อนไหวกับศิลปะมาเป็นอีกหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ที่จะเชื่อมระหว่างโลกภายในตัวเค้าสู่โลกภายนอก อีกทั้งเรื่องของการเล่น ดิน ไม้ ทราย น้ำ และการอยู่กับธรรมชาติ เมื่อเราพูดถึงพัฒนาการความพร้อมก็จะมีความสัมพันธ์ของทั้งกายและใจ ซึ่งดนตรีและการเคลื่อนไหวกับศิลปะและสิ่งที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ทั้งหมด เด็ก ๆ จะได้เรียนที่ห้องศิลปะและห้องดนตรีเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งจะมีความแตกต่างจากที่คุณครูนำไปใช้กับเด็ก ๆ ในห้องเรียนในเรื่องของกระบวนการที่มีความเฉพาะจากคุณครูศิลปะและคุณครูดนตรี การเรียนดนตรีและการเคลื่อนไหวอาจไม่ใช่การเรียนเพื่อการเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่มันคือการที่เขาได้เห็น ได้ฟัง ได้ลงมือทำ ได้ใช้พื้นที่ ได้จับจังหวะ ซึ่งคำว่า “พื้นที่และจังหวะในที่นี้มีความหมายสอดคล้องกันระหว่างพื้นที่และจังหวะของชีวิต ทุกคนจะมีจังหวะเป็นของตัวเองซึ่งในบางครั้งก็ต้องเคลื่อนไหวบรรเลงและใช้ชีวิตไปพร้อมกับผู้อื่น”
เด็ก ๆ จะได้เรียนดนตรีและการเคลื่อนไหวด้วยแนวคิดของ Orff Schulwerk คือ การเรียนการสอนดนตรีที่สอดคล้องกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ที่ก่อให้เกิดความสุขและการเห็นคุณค่าในตัวเอง เราอาจจะไม่ได้เริ่มจากการเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่เริ่มจากการรู้จักร่างกาย อวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงและจังหวะ การปรบมือ ตบตัก แบบ Body Percussion มันคือเสียงธรรมชาติที่ทำให้เกิดดนตรี เกิดจังหวะได้ อีกทั้งการนำบทกลอน บทขับร้องอย่าง เช่น กาเอ๋ยกาบินมาไว ๆ เอามาผสมผสานกับการเล่นตบแผะ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับคุณครูว่าจะออกแบบอย่างไร การเรียนแบบนี้ทำให้เด็กได้เห็น ได้เรียนรู้การสังเกตุหรือคาดเดาบางครั้งการเรียนดนตรีก็ไม่มีคำสั่ง เช่น เมื่อเด็กเข้ามาในห้อง ครูก็แค่ยิ้มต้อนรับ สบตาแล้วปรบมือ เด็กก็มานั่งแล้วก็ปรบมือตาม โดยที่ไม่ต้องมีคำสั่ง ใช้การเฝ้ามองสบตาและสื่อสารกัน Orff เป็นปรัชญาดนตรีที่สามารถปรับหรือออกแบบเพื่อนำไปใช้ได้อย่างหลากหลายตามบริบทของแต่ละพื้นที่ และใช้ได้กับคนทุกวัย ทุกวัฒนธรรม ทั้งหมดนี้คือ ความเข้าใจในความแตกที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เป็นการเรียนรู้ผ่านท่วงทำนอง คำร้อง ดนตรีและการเคลื่อนไหวอย่างมีความสุข หากมีเด็กที่ยังไม่พร้อมครูก็จะรอแบบให้กำลังใจ และชวนทำไปด้วยกันจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เป็นความสัมพันธ์กันระหว่างแนวคิดนี้กับการเรียนรู้ของโรงเรียน
แนวคิดของ Orff Schulwerk และโรงเรียนได้ให้ความสำคัญกับการเข้าใจความเป็นธรรมชาติของเด็ก เข้าใจความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ให้โอกาสในการพัฒนาศักยภาพผ่านทางดนตรีและการเคลื่อนไหว กิจกรรม การเล่นอย่างมีความสุข โอกาสที่ให้ทุกคนสามารถนำแนวคิดนี้ไปใช้ในบริบทของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่อาจจะใช้ในบริบทของบ้านก็ได้ โรงเรียนอื่นที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ ก็นำไปใช้ในบริบทของแต่ละประเทศ ใช้เครื่องดนตรี บทเพลง บทกลอนและท่วงทำนองของแต่ละที่ และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่โรงเรียนกับ Orff Schulwerk มีความสอดคล้องกัน
เครื่องดนตรี ตามแนวคิดของ Orff Schulwerk
เด็ก ๆ จะได้เรียนศิลปะ ที่หลากหลาย เพื่อฝึกกล้ามเนื้อและทักษะต่าง ๆ
เด็ก ๆ ได้เล่นกับธรรมชาติ
สอนให้มองเห็นคุณค่าในตัวเอง
ที่โรงเรียนจะมีกระบวนการที่ให้เด็กเห็นคุณค่าของตัวเอง กระบวนการและบทบาทของครูจะช่วยให้เด็กมี EF ที่ดี ทำให้เด็กเกิดทักษะหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือครูก็ตาม เราอยากเห็นเขามีพัฒนาการที่ดี อยากเห็นเขามีทักษะ EF ที่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืมก็คือ บนกระบวนการที่จะพาเขาไปสู่ความสำเร็จตรงนั้น เราต้องเป็นคนดูแลรักษา SELF ของเขาให้ยังคงอยู่ และเพิ่มมากขึ้น ในอดีตและปัจจุบันเด็กแต่ละคนเติบโตขึ้นมาด้วยการเห็นคุณค่าของตัวเองหรือเปล่า คุณค่าของตัวเองอยู่ที่ไหน คุณค่าของตัวเองอยู่ที่ความคาดหวังของครอบครัวหรือคุณค่าของตัวเองไปถูกแขวนอยู่ที่การยอมรับในสังคมบางอย่างที่มันผิดที่ผิดทาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเด็กคนหนึ่งที่มันไม่ควรจะเป็นความผิดของเขาเลย ดังนั้นการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยควรย้อนกลับมามองเรื่องที่พัฒนาการทั้ง 4 ด้าน EF และ SELF จะต้องทำไปพร้อม ๆ กัน
กิจกรรมต่างๆ ของเด็ก ๆ
การประเมินวัดผล และการบ้าน
โรงเรียนจิตตเมตต์ ไม่ประเมินหรือวัดผลแบบให้คะแนน ให้เกรดในกิจกรรมใด ๆ ถ้าเราเข้าใจเราจะรู้ว่าเด็ก ๆ มีศักยภาพในการประเมินตัวเองอยู่ตลอดเวลาทั้งในขณะที่เล่นหรือทำกิจกรรม เช่น การเล่นปีนป่ายเค้าประเมินตัวเองว่าร่างกายและใจของเค้าพร้อมหรือไม่พร้อมแค่ไหน ทำได้ ไม่ได้ วันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้ลองทำใหม่จนสำเร็จ, วัน Free Day ที่เด็กจะได้ประเมินตัวเองว่าเขาสามารถทำตามแผนต่าง ๆ ได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้เด็กก็จะรู้ด้วยตัวเอง แล้วเริ่มคิดเองได้ว่า ครั้งหน้าควรจะเข้าฐานให้เร็วขึ้นหรือจบอันนี้เพื่อที่จะไปทำอย่างอื่นได้ตามเป้าหมาย การที่เด็กได้โอกาสในการประเมินตัวเองจะนำไปสู่พัฒนาการที่ดี มีทักษะ EF และ SELF ให้แข็งแรง
ที่โรงเรียนจะมีแฟ้มผลงานที่รวบรวมเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้ดู เพื่อให้ผู้ปกครองเห็นว่าเด็ก ๆ ได้ทำอะไรบนกระบวนการใด ทำได้ด้วยตัวเอง คุณครูจะเขียนประเมินพัฒนาการต่าง ๆ เป็นรายบุคคล ไม่มีตารางประเมินเปรียบเทียบดี ดีมาก พอใช้ หรือการให้เกรดให้คะแนน
ส่วนการบ้านไม่ใช่การบ้านประเภทการคัดเขียนหรือบวกลบเลข ถ้ามีก็จะเป็นการบ้านที่ให้เด็ก ๆ ไปพูดคุยสำรวจ บันทึกอาจบันทึกด้วยการวาดหรือการเขียน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความหมาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง ครอบครัวหรือสิ่งต่าง ที่มีความสัมพันธ์กับตัวเค้า มีการให้เด็กเล่าเรื่อง บอกเล่าทั้งแบบกลุ่มและรายบุคคล ได้สื่อสารออกไปในหลาย ๆ รูปแบบ เมื่อเด็กได้ทำกิจกรรมที่ใช้มือหรือวาดรูปบ่อย ๆ กล้ามเนื้อมือพร้อม เขาจะมีทักษะการเขียนที่ดีขึ้นตามลำดับ การเขียนอาจเริ่มจากชื่อของเขาเองหรือสิ่งที่เค้าสนใจ สิ่งที่ใกล้ตัวเค้า สิ่งที่เค้าอยากบอกเล่าเพราะเป้าหมายของการเขียนคือ “การสื่อสาร” เริ่มตั้งแต่เด็กเล็กเด็ก ๆ จะมีกิจกรรมที่มีการใช้มือ ใช้นิ้วเช่น งานปั้น การฉีกปะติด Finger Paint มี Free Writing ขีด ๆ วาด ๆ ที่ให้เด็ก ๆ ได้โอกาสในการใช้มือทั้ง 2 ข้าง พอเข้าสู่วัยอนุบาลการเขียนก็จะพัฒนาขึ้นไปอีก เช่น การบันทึกเป็นรูป เขียนเมื่อเด็กพร้อมที่จะเขียน เขียนเป็นคำมีความหมายรวมถึงการเขียนตัวเลขที่มีความหมายด้วย ไม่ใช่การฝึกเขียน ก-ฮ เด็กบางคนอาจทำได้จากการได้เห็นบ่อย ๆ และจำนำมาเขียน การเขียนได้ช้า-เร็วก็ขึ้นอยู่กับโอกาสและศักยภาพของเด็กแต่ละคน ตัวอย่างการเขียนเช่น ชื่อตัวเอง ชื่อเพื่อน ชื่อพ่อแม่ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก วันเดือนปีเกิด และสิ่งที่อยากสื่อสาร
โรงเรียนทำงานร่วมกันกับผู้ปกครอง
เรื่องที่โรงเรียนอยากพัฒนาให้ที่ดีขึ้น คือให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของรากฐานการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย และเห็นความสำคัญในบทบาทการเป็นพ่อแม่ที่เข้าใจในการเลี้ยงดูลูกอย่างมีความสุขร่วมกัน ซึ่งจะเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกันระหว่างบ้านและโรงเรียน เริ่มต้นจากผู้ปกครองเองเป็นผู้ที่จะเลือกโรงเรียนให้กับลูกเราจะคุยกับพ่อแม่ตั้งแต่แรกเลยว่า“เราจะเลี้ยงลูกไปด้วยกัน” ดังนั้นเราจะอยู่ด้วยกันบนความเชื่อมั่น วางใจและให้โอกาสกันและกัน ผู้ปกครองสามารถเข้ามาที่โรงเรียนเพื่อพูดคุยหรือปรึกษาได้เป็นรายบุคคล เพราะแต่ละครอบครัวมีบริบทที่ไม่เหมือนกัน เหตุและปัจจัยอาจต่างกันการแก้ปัญหาที่จะช่วยดูแลลูกอาจมีความแตกต่างกันไป
ที่โรงเรียนมี“บันทึกลูกรัก”เป็นช่องทางการสื่อสารกับพ่อแม่ที่เชื่อมโยงระหว่างเด็กและครู ที่คุณครูจะส่งให้คุณพ่อคุณแม่ทุกวันศุกร์ ให้คุณพ่อคุณแม่เขียนเล่าเรื่องเด็กๆกลับมาในวันจันทร์ให้ครูทราบเช่น ตอนนี้เด็ก ๆ มีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ชื่อว่าอะไร วันหยุดนี้ไปเที่ยวไหนกันมา ได้ทำอะไรกันบ้าง ทำให้คุณครูได้รู้เรื่องราวของเด็ก ๆ และครอบครัว หรือรู้จัก รู้ใจเด็กมากขึ้น เมื่อเด็กมาโรงเรียนช่วงนี้มีความสุขกับอะไรคุณครูก็จะทราบด้วยและในวันที่เขาเศร้าหรือร้องไห้มาคุณครูก็จะปลอบหรือชวนคุยช่วยให้เขามีความสุขได้มากขึ้น
กิจกรรม “ครอบครัวที่แสนวิเศษ” เป็นวันที่ทางโรงเรียนให้นักเรียนเชิญครอบครัวมาได้ 1 คน อาจจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ ปู่คุณย่าก็ได้ แล้วให้เด็ก ๆ ได้ดูแลและทำกิจกรรมร่วมกันในฐานต่าง ๆ ที่ได้จัดไว้
ทุก ๆ พื้นที่ในโรงเรียน ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้
การออกแบบอาคารพื้นที่โรงเรียนต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการเรียนรู้ของเด็กทั้งทักษะการใช้ชีวิตและเรื่องของ SI sensory integration เพราะเด็กไม่ได้เรียนรู้แค่ในห้อง เหมือนเราสร้างบ้าน เราไม่ได้ให้เด็กอยู่แค่ในบ้าน เราใช้ชีวิตรอบ ๆ บ้านด้วย ในบ้านหลังนี้ก็มีสวน มีบ่อปลา มีสนามหญ้า มีต้นไม้ มีเครื่องเล่นให้ปีนป่าย มีที่ให้ออกไปเดินเล่น วิ่งเล่น ขี่จักรยาน มีที่อ่านหนังสือ ถ้าฝนตกเวลาเราเข้าบ้านเราทำอะไรกันเล่นกันในบ้าน มันคือสภาพความเป็นจริงของการเป็นอยู่ บรรยากาศห้องเรียนจะเปิดโล่งรับอากาศธรรมชาติ อากาศถ่ายเทได้ดีลดการแพร่ระบาดโรคติดต่อในเด็กรวมถึงในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา
ในวันที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง แต่ละห้องก็จะเปิดแอร์พร้อมกับเครื่องฟอกอากาศ ทางโรงเรียนจะประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสมเพื่อให้เด็กไม่ขาดโอกาสในการเรียนรู้
เด็ก ๆ ได้เรียนทั้งในและนอกห้องเรียน
ครูกลม-ธนกร กาศยปนันท์ ผู้อำนวยการและผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนจิตตเมตต์
เหตุผลที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนจิตตเมตต์ทุกวัน
- อย่างแรกเขามีความสุข ถามว่าความสุขเกิดจากอะไร ความสุขของเด็กคือการที่เขาได้มาอยู่ในพื้นที่ที่มีคนเข้าใจ ทำให้เขาได้มีโอกาสที่จะเริ่มดูแลตัวเอง ได้เล่นได้คิดอิสระ ได้พูดโดยมีคนรับฟังเขา การที่เด็กคนนึงได้เติบโตขึ้นและได้รับอิสระ “อิสระที่มีขอบเขต” การที่เขามาโรงเรียนแล้วได้มีอิสระที่อยู่ในขอบเขต มันทำให้เขาได้ใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้นอย่างมีความสุข ความสุขในการที่ได้ทำสิ่งต่าง ๆโดยที่เขารู้ว่าขอบเขตของเขาอยู่ตรงไหน ขอบเขตที่ทำให้เรารู้ว่าอะไรได้หรือไม่ได้ ทำให้เกิดทักษะ EF คือเขารู้จักการกำกับตัวเอง ยับยั้งชั่งใจ กิจวัตรประจำวันทำให้เด็ก ๆ รู้ว่าต้องทำอะไร เวลาไหนและรู้ว่าในวัน ๆ หนึ่งเขาต้องทำอะไรบ้าง ทำให้ง่ายกับการกำกับตัวเอง และการปรับอารมณ์ ช่วยให้เค้ามีความสุขได้ง่ายขึ้น
- เด็กมาที่โรงเรียนเสมือนเป็นโลกของเขา เป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ตามวัย ที่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเค้าออกจากอ้อมอกของพ่อแม่ เป็นโอกาสให้เขาติดการพึ่งพาน้อยลง ได้ทำได้คิดด้วยตัวเองมากขึ้น เด็กอยากมีพื้นที่แบบนี้ พื้นที่ที่สามารถทำอะไรด้วยตัวเอง มีคนบอกว่าหนูทำได้ ได้ลองทำ เริ่มใหม่ได้ ไม่มีการตีตราหรือถูกทำโทษ เมื่อมาโรงเรียนเด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนกับคุณครู คุณครูรับฟังความคิดเห็นของพวกเค้า ทำให้ทุกคนได้บอกเล่าความคิดของตัวเอง
- เขาได้รับการเคารพ เด็กเวลาอยู่ที่ไหนก็ตามแล้วเขารู้สึกว่าเขามีตัวตน เป็นพื้นที่ที่เขาได้เห็นคุณค่าในตัวเอง เป็นที่รัก และถูกเคารพในสิทธิ์ของเขา มันคือโจทย์ใหญ่ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เราก็อยากอยู่ในพื้นที่แบบนี้ พื้นที่นี้คือพื้นที่แห่งการเติบโตของพวกเค้า
♥ Mommy’s Love This ถูกใจแม่!
- ครูที่โรงเรียนจิตตเมตต์จะไม่ตัดสินว่าเด็กถูกหรือผิด ครูจะมีประเมินเป็นรายบุคคลว่าเด็กมีความพร้อมเหมาะสมตามวัยหรือต้องการการส่งเสริมพัฒนาเพิ่มในด้านไหน
- สภาพแวดล้อมดีเยี่ยม โรงเรียนรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ เด็ก ๆ ได้ใกล้ชิดและอยู่กับธรรมชาติ
- โรงเรียนเชื่อว่า ไม่มีเด็กดื้อบนโลกใบนี้ เค้าแค่ทดลองทำในสิ่งที่สงสัย เวลาที่เด็กร้องไห้หรือเวลาที่เราบอกว่าเขาดื้อ ความจริงแล้วเขากำลังต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ด้วยความเป็นเด็กบางครั้งเค้าไม่รู้ด้วยว่าอารมณ์นี้คืออะไร เขาจะพาตัวเองออกจากอารมณ์นี้ได้อย่างไร เขาจะหยุดร้องไห้ได้อย่างไร เด็กก็คงอยากได้คนที่เข้าใจ ปลอบและพาเค้าออกจากความทุกข์นั้น ๆ ถ้าจะเปรียบกับผู้ใหญ่เชื่อว่าเวลาเราทุกข์ เศร้า โกรธหรือมีปัญหาอะไรหลายๆครั้งเราแค่อยากมีคนมานั่งข้าง ๆ หรือปลอบให้รู้สึกดีขึ้น เราไม่ได้ต้องการคนมาดุหรือสอนเราว่าควรทำอย่างไร
- ที่โรงเรียนจิตเมตต์มองเรื่องของทักษะชีวิตเป็นสำคัญ รวมทั้งรากฐานสามมิติของการเติบโตที่ประกอบด้วย พัฒนาการสี่ด้าน EF และ SELF เพื่อให้เด็กเติบโตไปด้วยความพร้อมทั้งกายและใจ ได้ใช้ศักยภาพของเขาอย่างเต็มที่ที่สุด กิจวัตร กิจกรรม การเล่นและการอยู่ร่วมกันเป็น ทักษะชีวิตที่เด็กจะได้เรียนรู้ว่า ในหนึ่งวันเขาจะต้องทำอะไรบ้าง กับใคร ที่ไหน ตารางกิจวัตรจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ทักษะชีวิต การกิน อยู่ หลับ นอน งานบ้าน งานสวน งานครัว การเล่นอิสระ เด็กจะรู้หน้าที่ มีความรับผิดชอบของตนเองและผู้อื่น สามารถช่วยเหลือตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
อัตราค่าเล่าเรียน
รับนักเรียนตั้งแต่: เตรียมอนุบาล-อนุบาล 3 (อายุ 1.8 – 6 ปี)
ค่าแรกเข้า 15,000 บาท
ค่าเทอม 83,230 บาท
ที่อยู่
36/103 ถ.ทุ่งมังกร แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. 10170
เบอร์โทร: 02-8841303 , 084-1454886
Website: http://www.jittamett.ac.th/
Facebook: https://www.facebook.com/jittamett.kindergarten
Editor : แม่เลม่อน
ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ
อ่านต่อบทความน่าสนใจ School Visit
- พาทัวร์ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด พ่อแม่ยุคใหม่ห้ามพลาด! เน้นเสริม EFs สร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีให้ลูกน้อย
- บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข
- The CREAM Bangkok คลับมหัศจรรย์ แห่งการเรียนรู้
- 5 สิ่งสุดว้าว ที่ทำให้เด็กๆ อยากมา โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี ทุกวัน!
- โรงเรียนหิ่งห้อย จาก Homeschool เล็กๆ กลายเป็น ห้องเรียนธรรมชาติ ให้เด็กๆ กว่า 100 ครอบครัว!
- โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ โรงเรียนเล็กๆ ย่านท่าอิฐ กับหลักสูตรสุดว้าว! Project Approach