น่าพาลูกไปเรียนมากแม่!! โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ประกาศเป็น “โรงเรียนปลอดการบ้าน” สอนครบจบในห้อง เน้นเพิ่มเวลาเรียนรู้นอกห้องเรียน เริ่มปีการศึกษา 2563 นี้
โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ประกาศเป็น “โรงเรียนปลอดการบ้าน”
เรียกว่าสร้างความฮือฮาในโลกโซเชียลได้เป็นอย่างมาก เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 63 ทางเพจโรงเรียนวัดบวรนิเวศ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ (Wat Bowonniwet School) โรงเรียนชายล้วนชื่อดัง แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ประกาศข่าวดีสำหรับเด็กนักเรียน คือ ทางโรงเรียนเตรียมออกนโยบาย “โรงเรียนปลอดการบ้าน No Homework School” และเน้นทำแบบฝึก กิจกรรมต่างๆ จบในห้องเรียน โดยระบุข้อความว่า… “เป้าหมายที่เรากำลังจะทำ #โรงเรียนปลอดการบ้าน #บวรนิเวศเกรียงเดชเกริกก้องเกรียงไกร #โรงเรียนชายล้วนหกแผ่นดิน” ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะทำในปีการศึกษา 2563 และก็มีชาวเน็ตบางส่วนไม่เห็นด้วย แต่บางส่วนกลับเห็นด้วย
ทั้งนี้ ผอ.เขษมชาติ อารีมิตร ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ได้กล่าวถึงแนวคิดของ “โรงเรียนปลอดการบ้าน” ว่า กำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาแนวทาง รูปแบบของการเรียน แต่จะเกิดขึ้นแน่นอนในปีการศึกษา 2563 นี้
โดยจะใช้แนวคิดการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน ของอเมริกา (Flipped Classroom) คือ เน้นการเรียนรู้ด้วยตนเองตามทักษะและความสามารถของแต่ละคน และใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอนมากขึ้นแทนการใช้กระดาน ให้นักเรียนเรียนน้อยลง มีเวลาว่างมากขึ้นเพื่อทำกิจกรรม ซึ่ง โรงเรียนบวรนิเวศ พร้อมสนับสนุนกิจกรรมหลากหลายรูปแบบของนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านกีฬา ดนตรี หรือแม้กระทั่งกีฬา E-sport
สำหรับเรื่องการยกเลิกการบ้านนั้น ผอ.เขษมชาติ กล่าวว่า “การบ้านเยอะมีปัญหากับนักเรียนทุกระดับ ครูหนึ่งวิชาสั่งการบ้านทั้งเทอม นักเรียนต้องทำการบ้านทุกวิชา ยังไม่รวมงานกลุ่ม งานชิ้น ดังนั้นเราควรเคลียร์การบ้านให้เสร็จตั้งแต่ในห้องเรียนและใช้เวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่สนใจ คนเก่งไม่ได้มีแค่เก่งวิชาการ เราควรมองว่าเด็กทุกคนมีความเก่งอยู่ในตัว อยู่ที่ว่าเก่งด้านไหน และจะดันให้เด็กเก่งขึ้นได้อย่างไร ซึ่งทางโรงเรียนต้องการเด็กแบบนี้ ได้ส่งเสริมในสิ่งที่เขาชอบ และ เก่ง ดี มีสุข ที่แท้จริงตาม พระราชบัญญัติการศึกษาไทย”
ด้านการค้นหาความสามารถของนักเรียน จะมีขึ้นตั้งแต่การสอบเข้า โรงเรียนจะมีแบบทดสอบความถนัดเพื่อทดสอบความสามารถแฝง คุณครูต้องปรับตัวจากการสอนแบบเดิมมาเป็น “โค้ช” เพื่อแนะนำวิธีการศึกษาให้นักเรียนหาข้อมูลด้วยตนเองมากขึ้น และกลับมาทำแบบฝึกหัดไปพร้อมกับการอธิบาย
วิธีนี้นักเรียนจะไม่มีการบ้านและได้เรียนรู้จากการทำแบบฝึกหัดไปในตัว การดูแลนักเรียนรายบุคคลเป็นเรื่องสำคัญมาก ครูต้องรู้จักชื่อนักเรียน ประวัติ รวมถึงความสามารถพิเศษด้วย
ด้านการวัดผล จะเป็นการสอบ และวัดผลโดยใช้วิธีประเมินตามสภาพจริง สามารถให้โอกาสนักเรียนสอบใหม่หรือค้นคว้าทำงานที่เกี่ยวข้องมาส่ง เพราะเชื่อว่านักเรียนทุกคนมีความแตกต่าง เขาอาจตอบไม่เก่ง แต่สามารถนำเสนอความรู้ความเข้าใจด้วยวิธีอื่นได้
ที่มา : ขอขอบคุณบทสัมภาษณ์จากทีมงานเว็บไซต์เด็กดีดอทคอม www.dek-d.com
อ่านต่อ >> “ข้อดีและข้อเสียของการเป็นโรงเรียนปลอดการบ้าน” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่