รวม 22 อาหารห้ามแช่ตู้เย็น เด็ดขาด! - amarinbabyandkids
อาหารห้ามแช่ตู้เย็น

เตือน! 22 อาหาร “ห้ามแช่เย็น” บ่อเกิดเชื้อรา ทำลายสุขภาพลูกน้อย

event
อาหารห้ามแช่ตู้เย็น
อาหารห้ามแช่ตู้เย็น

5. ใบโหระพา/ใบกะเพรา

อาหารห้ามแช่ตู้เย็น

เพราะจะทำให้ใบโหระพานั้นแห้งและเหี่ยวไว ไม่เพียงเท่านั้น ใบโหระพายังดูดซับกลิ่นจากตู้เย็นเข้ามาไว้ในตัวอีกด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะนำไปประกอบอาหารไม่ได้อีกต่อไป

⇒ Must read : แม่แชร์สูตร! อาบน้ำใบกะเพรา ระเบิดพุง แก้ปัญหาลูกท้องผูก
⇒ Must read : อาหารบำรุงน้ำนม สำหรับคุณแม่หลังคลอด

6. ฟักทอง

อาหารห้ามแช่ตู้เย็น

อย่าปล่อยให้ความเย็นในตู้เย็นทำรสชาติของฟักทองหายหมด แต่ควรเก็บไว้นอกตู้ในที่ที่เป็นอุณหภูมิห้อง เพื่อรักษาความเหนียวและรสชาติหวานๆ ของฟักทองให้ยังคงอยู่


7. กล้วย

อาหารห้ามแช่ตู้เย็น

หากลูกน้อย หรือคุณพ่อคุณแม่ชอบกินกล้วยแช่เย็น ก็คงต้องเลือกหน่อยแล้ว เพราะถ้าหากนำกล้วยที่เปลือกยังมีสีเขียวไปแช่ในตู้เย็น ความเย็นจะกักเก็บความสดไว้ ทำให้กล้วยสุกช้าลงมาก ทางที่ดีควรเก็บกล้วยที่ยังเขียวเอาไว้นอกตู้เย็น เพื่อรอให้มันสุกได้ที่แล้วค่อยนำไปแช่จะดีกว่า แม้ว่าเปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แต่เนื้อด้านจะยังคงสุกพร้อมกินเหมือนเดิม

⇒ Must read : อุทาหรณ์! ลูกไม่โต เพราะ กล้วยอุดตันลำไส้ จนเน่า

8. แตงโม

อาหารห้ามแช่ตู้เย็น

หลายคนคิดว่าการแช่แตงโมไว้ในตู้เย็นจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วแตงโมที่ถูกเก็บไว้ในอุณหภูมิต่างหากจะมีรสชาติที่พอดี และเนื้อสัมผัสจะยังคงสดใหม่ไม่ช้ำง่าย ถ้าอยากจะกินแบบเย็นขึ้นมา แนะนำให้ตัดแบ่งออกเป็นชิ้นๆ แล้วค่อยนำไปแช่


9. เมล่อน

อาหารห้ามแช่ตู้เย็น

ควรจัดเก็บเมลอนไว้บนเคาท์เตอร์เพื่อรสชาติที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับแตงโม แคนตาลูป และเมล่อนผิวเรียบ งานวิจัยของ USDA พบว่าการเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องจะไม่ทำให้เมล่อนสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระและเมื่อหั่นเป็นชิ้นก็ควรเก็บไว้ในตู้เย็นประมาณ 3-4 วัน


10. ส้ม

อาหารห้ามแช่ตู้เย็น

ทั้งส้มและเลมอนต่างก็เป็นพืชในตระกูลเดียวกัน และก็ต้องไม่เก็บไว้ในตู้เย็นเช่นเดียวกัน ทางที่ดีควรเก็บไว้นอกตู้เย็น วางไว้ในที่ที่เย็นและไม่มีแสงส่องถึง อุณหภูมิห้องจะดีต่อพืชผลเหล่านี้มากที่สุด

⇒ Must read : น้ำผลไม้ (น้ำส้มคั้น) อย่าให้ลูกอายุน้อยกว่า 1 ขวบกิน!!

อ่านต่อ >> อาหารห้ามแช่ตู้เย็น ทำรสชาติผิดเพี้ยน และเสี่ยงทำลายสุขภาพลูกน้อย” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up