8 เทคนิคสอนลูก ไม่ตกเป็น เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ - Amarin Baby & Kids
เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

8 เทคนิคสอนลูก ไม่ตกเป็น เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

Alternative Textaccount_circle
event
เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ
เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

8 เทคนิคสอนลูก ไม่ตกเป็น เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

ข่าวคราวการล่วงละเมิดทางเพศมีเกิดขึ้นให้เห็นบ่อยทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่เว้นแม้แต่กับเด็ก ทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย และเกิดขึ้นจากคนใกล้ตัวและคนแปลกหน้า คุณพ่อคุณแม่ย่อมเป็นกังวลว่าเหตุการเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับลูกน้อย จะทำอย่างไรเพื่อให้ลูกรู้ทันไม่ต้องเป็น เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ ทีมบรรณาธิการ ABK มี 8 เทคนิคสอนลูกเรื่องนี้มาฝากทุกท่านค่ะ

รูปแบบการกระทำให้เด็กเป็น เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

ไม่มีการสัมผัสร่างกาย

  • แอบดูเด็กอาบน้ำ
  • พูดจาลวนลาม
  • เปลือยกาย หรือให้เด็กดูอวัยวะเพศ
  • ดูภาพ หรือคลิปลามก เพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ
สอนลูก ไม่ตกเป็นเหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

 

สัมผัสร่างกาย แต่ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศ

  • กอดจูบ ลูกคลำอวัยวะเพศเด็ก
  • ให้เด็กจับอวัยวะเพศ เพื่อสำเร็จความใคร่

ล่วงละเมิดทางเพศ

  • บังคับ หรือข่มขู่ให้เด็กเก็บเป็นความลับ
  • กระทำชำเราซ้ำ ๆ
  • ทำร้ายร่างกาย หรือฆ่า

สถานที่ที่มักเกิดเหตุล่วงละเมิดทางเพศ

  • บ้านตัวเอง
  • บ้านเพื่อน
  • บ้านญาติ
  • ถนนเปลี่ยว
  • สถานที่เปลี่ยว
  • โรงเรียน

8 เทคนิคสอนลูก ไม่ตกเป็น เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

  1. สอนให้รู้จักร่างกาย บอกให้ลูกเรียนรู้เรื่องอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงอวัยวะเพศ ช่วงที่เด็กเริ่มเรียกอวัยวะได้ สอนเรียกอวัยวะเพศโดยใช้ชื่อที่เด็กเข้าใจ ไม่ต้องเป็นชื่อทางการ แต่เมื่อถึงวัยที่ลูกรู้ ความแตกต่างระหว่างเพศชายและเพศหญิง พ่อแม่ต้องสอนให้ลูกเรียกด้วยคำที่ถูกต้อง เพราะเมื่อเกิดปัญหาและลูกต้องการบอกเล่า การใช้คำทางการทำให้มีความเข้าใจตรงกัน อธิบายเรื่องราวได้อย่างถูกต้อง
  2. บอกพื้นที่ส่วนตัว บอกลูกว่าส่วนไหนบนร่างกายที่คนอื่นห้ามสัมผัส ห้ามจ้องมอง ห้ามถ่ายรูป เช่น หน้าอก อวัยวะเพศ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำสิ่งนี้กับลูกได้ ส่วนไหนบนร่างกายที่พ่อแม่เท่านั้นที่สัมผัสได้ และเมื่อลูกโตเป็นหนุ่มสาวแล้วพ่อแม่ต้องคอยดูแล แนะนำ โดยให้ระมัดระวังการสัมผัสร่างกายของลูก และให้ลูกมีพื้นที่ส่วนตัว เช่น การแยกห้องนอน
  3. เน้นย้ำสิทธิในร่างกายตัวเอง ย้ำกับลูกเสมอว่าลูกมีสิทธิในร่างกายของลูกคนเดียวเท่านั้น หากไม่ยอมให้ใครมาสัมผัส ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิมาสัมผัส นอกจากการสัมผัสเพื่อทำความสะอาดหรือการรักษาจากแพทย์ หากใครมาสัมผัสแล้วรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ ต้องกล้าบอกไปว่าไม่ชอบหรือไม่พอใจ
  4. สอนให้รู้จักปฏิเสธ ถ้ามีคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่มาสัมผัสพื้นที่สงวนของร่างกาย สอนให้ลูกรู้จักปฏิเสธ ต้องพูดไปเลยว่า “ไม่ได้” และอาจจะส่งเสียงขอความช่วยเหลือดัง ๆ และวิ่งหนีออกมาไม่ต้องเกรงใจ
  5. บอกสัมผัสที่ปลอดภัย บอกลูกว่าสัมผัสแบบใดคือสัมผัสที่ปลอดภัย สามารถทำได้ เช่น สัมผัสของ พ่อแม่ ญาติ พี่เลี้ยง จำเป็นต้องช่วยลูกในการทำความสะอาดร่างกาย สัมผัสของแพทย์เพื่อตรวจรักษาร่างกาย แต่บอกลูกว่าพ่อแม่จะอยู่ด้วยเสมอ หรือบางครั้งการสัมผัสของครูในวิชาเรียนบางอย่างอาจต้องมีการสัมผัสกันเล็กน้อย
  6. อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า สอนลูกว่าอย่าไว้ใจคนเเปลกหน้าที่มาคุยเด็ดขาด ถึงเเม้คนเหล่านั้นจะเอาขนมมาให้กินอย่ากินเด็ดขาด หรืออ้างว่ารู้จักกับพ่อเเม่ก็ตาม ไม่ต้องเกรงใจแม้ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นคนที่เด็กเคารพก็ตาม เนื่องจากคนที่ทำอนาจารบางครั้งอาจจะเป็นคนใกล้ชิด
  7. ไม่ใจอ่อนหรือปิดบัง กำชับลูกเสมอว่า ไม่ว่าคนที่ทำลูกจะขอร้องหรือขู่อย่างไร หากลูกไม่พอใจในสิ่งที่ถูกกระทำ ลูกต้องบอกพ่อแม่ทันที ไม่ต้องปิดเป็นความลับ ไม่มีใครทำอะไรลูกได้เด็ดขาด เพื่อให้ลูกมั่นใจว่าพ่อแม่สามารถปกป้องเขาได้
  8. พูดคุยกับลูกเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ หาบรรยากาศสบาย ๆ สอนให้ลูกเข้าใจตนเอง และความหมายการล่วงละเมิด สิทธิที่จะปกป้องตัวเอง หากลูกสงสัยจะได้ถามพ่อแม่ได้ตรง ๆ ไม่รู้สึกกดดัน เพื่อที่ลูกเกิดความวางใจและมั่นใจ

คำแนะนำการป้องกันตัว

  • พกนกหวีดใช้เป่าในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • การวิ่งหนีเอาตัวรอด
  • เรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัว
เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ
8 เทคนิคสอนลูก ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

ขอบคุณภาพจาก กรมอนามัย

โทษทางกฎหมายของผู้ล่วงละเมิด

หากเกิดเหตุการล่วงละเมิดกับลูกไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม ุณพ่อุณแม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ล่วงละเมิดได้ โดยแต่ละความผิดมีโทษดังนี้ค่ะ

1. การกระทำความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก

• การครอบครอง/การส่งต่อ/การเผยแพร่ วัตถุ หรือสิ่งที่แสดงให้รู้หรือเห็นการกระทำทางเพศของเด็กหรือกับเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี เช่น รูปภาพ ภาพเขียน ภาพพิมพ์ แถบบันทึกเสียง รวมถึงสิ่งที่จัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศ

2. การกระทำความผิดฐานอนาจารเด็ก

• การกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศต่อร่างกายผู้อื่น เช่น การสัมผัสจับต้องเนื้อตัวร่างกาย การลวนลามร่างกายในทางไม่สมควร และการกระทำ ให้อับอายขายหน้าในทางเพศ

3. การกระทำความผิดฐานกระทำชำเรา

• การกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

บทลงโทษผู้ล่วงละเมิดตามกฎหมายอาญา

1. การกระทำความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก

• ครอบครอง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 287/1)

• ส่งต่อสื่อลามก มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 287/1)

• เผยแพร่สื่อลามก มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท (มาตรา 287/2)

2. การกระทำความผิดฐานอนาจารเด็ก

• เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม มีโทษจำคุก 1 – 10 ปี หรือปรับ 10,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 279)

• เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม มีโทษจำคุก ไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 279)

3. การกระทำความผิดฐานกระทำชำเรา

• เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม มีโทษจำคุก 7 – 20 ปี และปรับ 140,000 – 400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต (มาตรา 277)

• เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม มีโทษจำคุก 5  – 20 ปี และปรับ 100,000 – 400,000 บาท (มาตรา 277)

8 วิธีนี้ขอให้คุณพ่อคุณแม่สอนลูกบ่อย ๆ เพราะหากเกิดการล่วงละเมิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นแผลในใจของเด็กไปอีกนานแสนนาน และขอให้คุณพ่อคุณแม่ ระมัดระวัง อย่าให้ลูกตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก 

ธรรมนิติ,กรมอนามัย

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

รู้จัก โรคใคร่เด็ก พฤติกรรมผิดปกติที่พ่อแม่ควรระวัง 

นี่คือ…สาเหตุ “ลูกถูกล่วงละเมิดเพศ” ที่พ่อแม่คาดไม่ถึง!

สลด! ดญ. ถูก ล่วงละเมิดทางเพศ ด้วยการเอาดินสอจิ้ม!

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up