#6 ความบันเทิงขณะอยู่บนเครื่อง
ถ้ามีลูกวัยเตาะแตะไปด้วย อย่าลืมพกของเล่นชิ้นโปรดไปด้วยสัก 1-2 ชิ้น ส่วนเบบี๋อาจมีของเล่นที่สามารถเอาเข้าปากได้ไปสัก 1-2 ชิ้นด้วยค่ะ
สำหรับลูกวัยเตาะแตะ คุณพ่อคุณแม่อาจลงทุนเพิ่มสักนิด ด้วยการซื้อของเล่นชิ้นใหม่ให้ โดยห่อเป็นของขวัญให้สวยงาม เมื่อเจ้าหนูได้รับจะได้ตื่นเต้นและต้องใช้เวลาในการแกะเพิ่มขึ้น ทำให้คุณพ่อคุณแม่มีเวลาทำสิ่งต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
#7 พกยาที่จำเป็นไว้ใกล้ตัว
เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าเบบี๋จะป่วยขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมพกยาที่จำเป็นไปด้วยนะคะ และควรเก็บไว้ใกล้ตัว จะได้หยิบมาใช้ได้ง่ายค่ะ
#8 เป้อุ้มเด็กเป็นตัวช่วยสำคัญ
การให้เบบี๋อยู่ในเป้อุ้มเด็กจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เดินทางสะดวกมากขึ้นหลายเท่า เพราะไม่ต้องคอยใช้แขนทั้งสองข้างอุ้มลูก นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำรถเข็นเด็กแบบพับได้ไปด้วยค่ะ โดยให้เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานเก็บไว้ก่อนขึ้นเครื่อง ทางสนามบินจะนำมาคืนเมื่อเครื่องลงจอดที่หมายปลายทางค่ะ อย่าลืมติดป้ายบอกรายละเอียดของการเดินทางไว้ที่รถเข็นให้เรียบร้อยนะคะ
# 9 ช่วยบรรเทาอาการเจ็บหูของลูก
ช่วงที่เครื่องกำลังขึ้นและช่วงที่กำลังลงจอด ความดันในเครื่องบินจะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ทำให้เบบี๋เจ็บหูได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถบรรเทาอาการเจ็บหูด้วยการให้เบบี๋กินนมหรือดูดจุกนมค่ะ
# 10 อาหารเบบี๋และการเปลี่ยนผ้าอ้อม
คุณพ่อคุณแม่ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมบนโต๊ะสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อมในห้องน้ำบนเครื่องเท่านั้นนะคะ เพราะหากเปลี่ยนบริเวณที่นั่งจะเป็นการรบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ
สำหรับอาหารของเบบี๋ บางสายการบินจะมีไว้บริการ หากผู้ปกครองได้ทำการแจ้งไว้ล่วงหน้า กรณีที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ทางสายการบินอุ่นนมหรืออาหารเบบี๋ให้ระหว่างอยู่บนเครื่อง ควรตรวจสอบกับทางสายการบินล่วงหน้านะคะ ว่ามีบริการให้หรือเปล่า
ถ้าคุณแม่ยังให้นมลูกเองอยู่ คุณแม่ก็ให้นมลูกขณะเปิดดูภาพยนตร์สนุกๆ จากจอด้านหน้าได้เลย
# 11 ทำให้เบบี๋มีความสุข
คุณพ่อคุณแม่พยายามอย่าเครียดหรือวิตกกังวลเกินไปค่ะ เพราะลูกจะสามารถรับความรู้สึกได้ ทางที่ดีพยายามผ่อนคลาย เสียงเครื่องยนต์ที่ดังมักจะช่วยให้เบบี๋หลับสบาย แต่หากเบบี๋ไม่ยอมนอน ก็มีสิ่งแปลกใหม่บนเครื่องบินให้ลูกดูแก้เบื่อได้ตลอดการเดินทาง
ถ้าเจ้าหนูเกิดคึกมากเกินไป คุณพ่อคุณแม่สามารถพาเดินวนรอบๆ ทางเดินบนเครื่องได้ค่ะ ทั้งนี้ต้องคอยดูสัญญาณเตือนให้กลับไปนั่งที่ และต้องแน่ใจว่าไม่เกะกะกีดขวางการทำงานของพนักงานบนเครื่องและผู้โดยสารคนอื่นๆ ค่ะ
4 สิ่งที่เด็กต้องเผชิญบนเครื่องบิน
อย่างไรก็ดีในการ พาลูกขึ้นเครื่องบินครั้งแรก นั้นคงน่ากังวลใจไม่น้อย นอกจากการเตรียมสิ่งของพร้อมแล้ว สิ่งที่ต้องให้พร้อมไว้แต่เนิ่นๆ คือเรื่องข้อควรรู้ต่างๆ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของลูก ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะนั่นจะทำให้ไม่เครียด ยิ่งใกล้วันเดินทางก็จะยิ่งสบายใจมากขึ้น
#หูจะอื้อ
เรื่องหนึ่งที่คนนั่ง เครื่องบิน ต้องเผชิญก็คือ อาการหูอื้อจนปวดจี๊ด นั่นเพราะความกดอากาศ หรือความดันในชั้นบรรยากาศของโลกในขณะเครื่องบินขึ้นสู่เวหาและกำลังร่อนลงรันเวย์ ขนาดผู้ใหญ่นะครับยังมีอาการ แล้วเด็กๆเล็กๆจะทำอย่างไร วิธีป้องกันก็คือ ใช้ที่อุดหูสำหรับว่ายน้ำดำน้ำ(จำหน่ายตามร้านขายอุปกรณ์กีฬา )
นอกจากนั้นยังบรรเทาอาการปวดหูจี๊ดดังกล่าว ได้ด้วยการให้เด็กๆดื่มน้ำหรือทานอาหาร(ส่วนทารกน้อย ให้ป้อนนมระหว่างการขึ้น หรือลงของเครื่องบิน) ถ้าเด็กกินอาหารไม่ลง แต่คงไม่ปฏิเสธ “อมยิ้ม” หรือขนมขบเคึ้ยว (กรณีเด็กเล็กให้ระวังเรื่อง ขนมหรือของกินติดคอด้วยนะครับ )
หลายคนบรรเทาอาการด้วยการกลืนน้ำลายบ่อยๆ
#กินอิ่มแล้วจะไม่สบายตัว
อย่าให้ลูกกินอิ่มเกิน –งดน้ำอัดลม- ดี่มน้ำเปล่าสะอาดๆดีกว่า… เด็กๆหลายคนมักจะดีใจและ “ได้ใจ”เมื่อขอน้ำอัดลมจากคุณพี่แอร์โฮสเตสแสนสวยได้บ่อยๆ แต่นั่นทำให้เจ้าจอมซ่า ซ่าไม่ออกเพราะเกิดอาการ ท้องอืด ร่างกายรู้สึกอีดอัดไม่สบาย งอแง และอาจจะเกิดอาเจียนได้ จึงต้องระวังในกรณีนี้ด้วยครับ
#อึดอัด
หลายต่อหลายชั่วโมงบนเครื่องบิน ใครกันจะทำให้ลูกนั่งนิ่งได้ตลอดทาง ภาพยนตร์ที่เปิดให้ดูบนเครื่องก็น่าชวนงงสำหรับพวกเขา งั้นเรามาเตรียมของเล่นชิ้นโปรด หรือตุ๊กตาตัวสุดรักของลูกไปด้วย (ถ้ามั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ยินยอม) หนังสือนิทาน สมุดภาพระบายสี ดินสอสี-คอมพิวเตอร์ไซด์เล็กเพื่อไว้เปิดการ์ตูน (DVD) เรื่องโปรดของลูก หรือจะชี้ชวนลูกนั่งดูวิวทิวทัศน์ยังเบื้องล่าง หรือดูหมู่เมฆหมอกพร้อมจินตนาการสร้างสรรค์ ก็ช่วยให้ลูกเกิดความคิดสร้างสรรค์ พร้อมเพลิดเพลินจนลืมเบื่อลืมเมื่อย
#ไปก่อนเวลาก็ดี
ไปถึงสนามบินก่อนเวลาขึ้นเครื่องอย่างน้อยสัก 2 ชั่วโมง เพื่อทุกคนจะได้รู้สึกสบายๆ ไม่เครียดเคร่งเร่งรีบกันไปหมด ยิ่งสนามบินใหม่ของเราเดี๋ยวนี้อลังการน่าเดินเที่ยวไม่น้อย เด็ก ๆคงเพลินกันได้ก่อนขึ้นเครื่อง ขึ้นเคื่องจะได้หลับสบายๆกัน