อาหารโพแทสเซียมสูง – เมื่อนึกถึงอาหารการกินที่ดีต่อสุขภาพของลูกๆ เราควรให้ความสำคัญกับสัดส่วนของสารอาหารต่างๆ ที่ลูกได้รับในปริมาณที่เหมาะสม อาทิ เกลือ น้ำตาล แป้ง หรือ ไขมัน แต่คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยกันมั้ยคะว่าถ้าเป็นสารอาหารอย่างโพแทสเซียมล่ะ? ลูกเราควรได้รับมากน้อยเพียงใดในแต่ละมื้อ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักสารอาหารอย่างโพแทสเซียมกันก่อนค่ะ โพแทสเซียม เป็นเกลือแร่ชนิดหนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เนื่องจากโพแทสเซียมมีหน้าที่ควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกาย และยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาความดันโลหิตให้แข็งแรง และมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ
ดังนั้นโพแทสเซียมจึงมีความสำคัญที่ควรมีอยู่ในอาหารของลูก เพื่อให้เด็กๆ ได้รับคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากเด็กๆ เคยบ่นกับคุณพ่อคุณแม่ในทำนองว่าพวกเขามีอาการเมื่อยล้าอยู่บ่อยๆ เนื่องจากอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง จะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้
ในกรณีที่เด็ก ๆ ขาดโพแทสเซียม หรือ ได้รับเกลือโซเดียมมากเกินไปก็อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง และการมีความดันโลหิตสูงในวัยเด็กก็สามารถส่งผลกระทบต่อเนื่องไปเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ได้เช่นกัน พวกเขาไม่เพียงแต่จะมีความดันโลหิตสูงในผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับการเกิดโรคหัวใจในวัยผู้ใหญ่ได้อีกด้วย
ประโยชน์ของโพแทสเซียม
- รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพ
- ลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในไต
- ลดการสูญเสียกระดูกเมื่ออายุมากขึ้น
โดยปกติแล้วเด็กส่วนใหญ่จะได้รับโพแทสเซียมเพียงพอ หากพวกเขารับประทานอาหารที่สมดุลพร้อมอาหารหลากหลายประเภท อย่างไรก็ตาม มีอันตรายบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการได้รับโพแทสเซียมน้อยเกินไป (ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ) และ โพแทสเซียมมากเกินไป (ภาวะโพแทสเซียมสูง) ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายเด็กๆ ได้
อันตรายจากโพแทสเซียมต่ำ
โดยปกติแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กๆ จะขาดโพแทสเซียมจากการรับประทานอาหารที่น้อยเกินไป แต่ถ้าเด็กมีอาการอาเจียน และท้องร่วงที่นำไปสู่การขาดน้ำหรือเหงื่อออกมากเกินไป เด็กอาจเริ่มแสดงอาการของการขาดโพแทสเซียม (ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ) โพแทสเซียมจะหายไปในอุจจาระโดยกลายเป็นน้ำ อาเจียน และเหงื่อ นอกจากนี้การขาดแมกนีเซียมก็อาจเกี่ยวข้องกับการสูญเสียโพแทสเซียมและภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
อาการของการขาดโพแทสเซียมเล็กน้อย อาจรวมถึงอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ท้องผูก เหนื่อยล้า และไม่สบายตัว หากภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ถึงต่ำปานกลาง หรือรุนแรง อาการอาจรวมถึงภาวะปัสสาวะมากผิดปกติ หายใจลำบาก กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต และหัวใจเต้นผิดจังหวะ ในกรณีที่ร้ายแรงภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำอย่างรุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ทางที่ดีพ่อแม่ผู้ปกครองควรทำความคุ้นเคยกับอาการขาดน้ำในเด็ก ภาวะขาดน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดที่อาจทำให้เด็กเกิดอาการโพแทสเซียมต่ำ แต่ในอีกทางหนึ่งก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายที่นอกเหนือไปจากภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำได้ ซึ่งอาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปากและลิ้นแห้ง ปัสสาวะออกน้อย และแขนขาเย็น เมื่อพูดถึงภาวะขาดน้ำ
การรักษาอาการขาดน้ำ คือ การให้น้ำในช่องปาก และการรับประทานอาหาร แบบ BRAT ไดเอท อาทิ กล้วย ข้าว แอปเปิ้ล ซอสและขนมปังปิ้งก็จะสามารถช่วยฟื้นฟูระดับโพแทสเซียมได้เช่นกัน การฟื้นฟูของเหลวจะไม่ทำให้ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำหากของเหลวเหล่านั้นไม่มีโพแทสเซียม
14 อาหาร เสริมภูมิคุ้มกันลูก ช่วยให้ลูกไม่ป่วยง่าย!
ไข่จุ๊บ อันตราย! ลูกเสี่ยงกินเชื้อโรคเข้าร่างกาย เกิดอาหารเป็นพิษ
5 ผลเสียหากให้ลูกต่ำกว่า 2 ขวบกินอาหารที่เด็กเล็กไม่ควรกิน !!
อันตรายจากโพแทสเซียมมากเกินไป
การได้รับโพแทสเซียมหรือภาวะโพแทสเซียมสูงเกินไป อันตรายพอๆ กับการขาดโพแทสเซียม อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติที่เด็ก (หรือผู้ใหญ่) จะได้รับโพแทสเซียมมากเกินไปจากการรับประทานอาหารโดยไม่ได้เสริมโพแทสเซียมบางชนิดหรือมีปัญหาเกี่ยวกับไต
ภาวะโพแทสเซียมสูงอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างร้ายแรงได้เป็นอันดับแรก ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่ใช้ยาเม็ดโพแทสเซียมเสริม เว้นแต่กุมารแพทย์ของคุณจะแนะนำสิ่งนี้โดยเฉพาะ อาการอื่นๆ ของโพแทสเซียมสูงอาจรวมถึงอาการเหนื่อยล้า และชาอย่างรุนแรง และการรู้สึกเสียวซ่าที่แขนและขา
ปริมาณโพแทสเซียมที่แนะนำ
- 2,000 มก. ต่อวัน สำหรับเด็กวัยหัดเดิน
- 2300 มก. ต่อวัน เด็กผู้หญิง
- 3000 มก. ต่อวัน เด็กผู้ชาย
สำหรับเด็กวัยรุ่น แม้ว่าไม่จำเป็นต้องนับว่าลูกของคุณได้รับโพแทสเซียมมากเพียงใดในแต่ละวัน แต่การทบทวนรายการอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมเพื่อที่คุณจะได้รวมไว้ในอาหารของลูกสามารถช่วยให้แน่ใจว่าลูกของคุณได้รับแร่ธาตุชนิดนี้เพียงพอเป็นประจำ
รวม อาหารโพแทสเซียมสูง ช่วยลูกกระดูกแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย!
อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
เมื่อพ่อแม่คิดที่จะเพิ่มโพแทสเซียมเป็นพิเศษในอาหารของลูก สิ่งแรกที่พวกเขานึกถึงคือกล้วย แม้ว่ากล้วยจะเป็นแหล่งโพแทสเซียมที่ดี แต่อาหารอื่นๆ ก็มีโพแทสเซียมสูง (มากกว่า 200 มก. ต่อหนึ่งมื้อ) ได้แก่
- ปลา โดยเฉพาะปลาแซลมอนและทูน่า
- เนื้อไก่
- เนื้อวัว
- มะเขือเทศ และผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ เช่น น้ำมะเขือเทศ ซุปมะเขือเทศ และซอสมะเขือเทศ
- ถั่วและเมล็ด
- ลูกเกด ลูกพรุน และผลไม้แห้งอื่นๆ
- มันฝรั่ง และ พืชตระกูลถั่ว ได้แก่ ถั่วลันเตา ถั่วลิมา ถั่วอบ ถั่วปินโต ถั่วเหลือง และถั่วเลนทิล
- ผักโขม
- มะละกอ
- นมและผลิตภัณฑ์จากนมหลายชนิด เช่น มิลค์เชค ชีส และโยเกิร์ต
- กะหล่ำดาว
- น้ำส้ม
- บร็อคโคลี
- ส้ม
- แตง
- สควอชและผักสีเหลืองเข้มอื่นๆ
- ซีเรียลอาหารเช้า (โดยเฉพาะซีเรียลรำข้าว) และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแป้งสาลีทั้งเมล็ด 100% เช่น ขนมปังโฮลวีต ข้าวกล้อง หรือข้าวโอ๊ต ก็เป็นแหล่งโพแทสเซียมที่ดีเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้สิ่งที่ควรรู้คือฉลากโภชนาการโดยทั่วไปจะไม่ระบุปริมาณโพแทสเซียมที่มีอยู่ในอาหารนั้นๆ ไม่เหมือนกับวิตามิน และแร่ธาตุอื่นๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม และธาตุเหล็กนั่นทำให้การเรียนรู้ว่าอาหารประเภทใดที่มีโพแทสเซียมสูงมีความสำคัญมากขึ้น
หากคุณพ่อคุณแม่ให้เด็กๆ ได้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี และพอเหมาะ ทั้งปริมาณและคุณภาพ สุขภาพของเด็กๆ ก็จะสมบูรณ์แข็งแรงลดโอกาการเจ็บป่วยได้เป็นอย่างดี มากไปกว่านั้นการปลูกฝังให้เด็กๆ ได้เข้าใจในคุณค่าทางโภชนาการของอาหารแต่ละชนิด ก็จะช่วยส่งเสริมให้เด็กๆ รับรู้และเข้าใจในความสำคัญของอาหารการกินต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายช่วยเสริมสร้างทักษะความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power BQ ในด้าน ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี HQ ได้อีกด้วยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : verywellfamily.com , milklife.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อย่าล้วงคอลูก!หาก สำลักอาหาร อาจอันตรายถึงชีวิตได้
แจกสูตร! 10 เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน ลูก10เดือนกินอะไรได้บ้าง?
อย่ามองข้าม ไอโอดีน สารอาหารสำคัญ ที่จำเป็นต่อทุกวัย!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่