ถึงจะอันตรายแค่ไหนแต่กลับไม่ใช่เรื่องสนุกของเด็กๆเลย พอมีอะไรมาปิดปาก ปิดจมูก เจ้าตัวน้อยจะร้องงอแงไม่ยอมใส่ หรือใส่ได้ไม่นานก็แกะออก เพราะใส่แล้วอึดอัด หายใจไม่สะดวกเหมือนปกติ ในเมื่อการใส่ หน้ากากอนามัย ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้ จะดื้อแค่ไหนลูกก็ต้องใส่หน้ากาก
- พ่อแม่ใส่เป็นตัวอย่าง
เมื่อพ่อแม่คือต้นแบบดีที่สุดของลูก ถ้าอยากให้ลูกใส่หน้ากากด้วยความเต็มใจ ลองหยิบหน้ากากมาใส่ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ทำเป็นเรื่องปกติ จากนั้นค่อยสอนให้ลูกหยิบหน้ากากสวมด้วยตัวเอง (มีพ่อแม่คอยเป็นผู้ช่วย) ไม่นานลูกจะรู้สึกคุ้นเคยและไม่ต่อต้าน
- เลือกลายการ์ตูนที่ชอบ
หน้ากากธรรมดาอาจดูน่ากลัวเกินไป ลองหา หน้ากากอนามัย สำหรับเด็กโดยเฉพาะ ที่มีสีสันสดใส สีฟ้า สีชมพู แล้วมีลวดลายการ์ตูนที่ลูกชอบมาใช้ จะช่วยดึงดูดความสนใจ ช่วยให้การใส่หน้ากากง่ายขึ้นเยอะ
3.เลือกแบบที่สายคล้องหูยืดหยุ่นดี
สายคล้องหูของหน้ากากทั่วไปมักเป็นเส้นพลาสติกที่ใส่แล้วเจ็บหู ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกไม่อยากใส่หน้ากาก ลองเปลี่ยนมาใช้หน้ากากแบบ 3 D ซึ่งสายคล้องหูยืดหยุ่นและกระชับใบหน้า ไม่เจ็บหู ใส่ได้นาน
4. เลือกแบบที่ใส่แล้วไม่อึดอัด
สำหรับหน้ากากกันฝุ่น PM2.5 เวลาใส่จะค่อนข้างแน่น หายใจลำบาก ลูกจึงใส่ได้ไม่นานและอาจทำให้ไม่ยอมใส่อีกเลย ลองเปลี่ยนมาใช้หน้ากากแบบที่มีวาล์วช่วยระบายอากาศ ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นและก็ยังกรองฝุ่นได้ด้วย
5.ไม่บังคับ ทำเป็นเกมเล่นสนุก
เด็กๆไม่ชอบถูกบังคับ ลองเปลี่ยนจากเรื่องที่ต้องทำด้วยความไม่เต็มใจ มาเป็นเกมใส่หน้ากากแสนสนุกแทน เช่น จับเวลาใครใส่หน้ากากได้นานกว่ากัน แข่งใส่หน้ากากใครก่อนกัน หรือจะเปลี่ยนหน้ากากธรรมดาเป็นกระดานวาดภาพ อวดฝีมือของลูกน้อย ประดิษฐ์หน้ากากชิ้นเดียวในโลก
บทความน่าสนใจอื่นๆ
ต้นไม้ฟอกอากาศ ช่วยดูดฝุ่น-ลดสารพิษ ได้จริงหรือ?
รีวิว หน้ากากกันฝุ่น PM2.5 เลือกใส่แบบไหน ปลอดภัยทั้งแม่และลูกน้อย
แหล่งข้อมูล : www.chiangmainews.co.th https://news.thaipbs.or.th/
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่