ประถม 1 – 6 =>
โรงเรียนไม่ใหญ่(มีพี่โตสุดแค่ ป.6 เพื่อป้องกันการถูกกลั่นแกล้ง การโดนจีบ (เล่นๆ) ในวัยที่ยังไม่รู้จักความรักดีพอ และป้องกันการเลียนแบบพฤติกรรมแบบเด็กโตทำ เช่น เห็นเด็กมัธยมเดินกันเป็นคู่ๆจนชินตา
#เป็นโรงเรียนเน้นภาษาอังกฤษแบบจริงจัง
ควรเสริมภาษาจีนให้ลูกตั้งแต่ ป.1 (ก่อน 7 ขวบ) ยิงยาวควบกันไปทั้ง2 ภาษา
แต่โรงเรียนต้องเรียนไม่เครียด
ไม่เรียนพิเศษอย่างบ้าคลั่ง
#ไม่มีการบ้านเยอะ แต่มีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย(ค้นหาตัวตน)
เน้นพื้นฐานทางอารมณ์เด็กให้อารมดีไว้เป็นสำคัญ
และต้องใกล้บ้าน
*เตรียมเงิน : ค่าเทอม+ค่าเรียนเสริมสิ่งที่ลูกชอบและเลือกเอง เช่น ว่ายน้ำ ยิมนาสติก เปียโน ร้องเพลง เต้นรำ
(ปล. ระยะนี้ยังควรพาลูกเที่ยวต่อเนื่อง บ่อยเท่าที่เป็นไปได้ เชื่อดิ..ขึ้นมัธยมปุ๊บไม่อยากเที่ยวกับพ่อแม่ปั๊บ)
ม.1 – ม.3 =>
การเลือกโรงเรียนระยะนี้สำคัญที่สุด ต้องเลือกโรงเรียนที่ #มีสังคมรักกันแน่นแฟ้นในหมู่เพื่อนพี่น้องสถาบันเดียวกัน (เพื่อนกลุ่มนี้มี%สูงที่จะเป็นเพื่อนที่จะคบกันไปตลอดชีวิตลูก)
แต่จะต้องเป็นสถาบันที่พ่อแม่ต้องมีกำลังระดับนึงถึงจะส่งได้
หรือคิดง่ายๆว่า เป็นกลุ่มที่จะไม่ยืมตังลูกเรา แถมลูกเราสามารถยืมตังเพื่อนได้ (แต่จะยืมหรือไม่ก็อีกเรื่อง)
ที่สำคัญ #อย่าทิ้งภาษา โรงเรียนต้องเป็นหลักสูตรที่เน้นภาษาอังกฤษ (อาจเน้นวิชาการอื่นๆร่วมด้วยไม่ใช่เน้นแต่ภาษาจ๋าๆเหมือนตอนประถมแล้ว) และยังคงเสริมจีนต่อเนื่อง
ม.4 – ม.6 =>
มี 2 ทางเลือก…
ต่อโรงเรียนเดิม (ถ้ามันดีอยู่แล้วทั้งเพื่อนทั้งหลักสูตร)
หรือถ้ามีตังก็
ต่อต่างประเทศที่ใกล้ๆไทยง่ายต่อการไปๆมาๆของแม่ เช่น นิวซีแลนด์ ออส สิงคโปร์ จีน เป็นต้น
ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกสายวิทยาศาสตร์เผื่อเปลี่ยนใจกลางคัน
ปล.ในช่วงมัธยมนี้กิจกรรมเสริมเช่น เปียโน ที่เคยเรียนมาต่อเนื่องแต่เด็กก็อย่าทิ้ง ให้เล่น/เรียนปะปรายเป็นงานอดิเรก
#ย้ำอย่าทิ้ง เพราะมันคือสิ่งที่จะจรรโลงใจลูกไปตลอดชีวิตไม่ว่าจะเจอกับเหตุการณ์อะไรมา
*ค่าใช้จ่าย => ยกตัวอย่างค่าเทอมในไทยเฉลี่ยปีละ 150,000 (นานาชาติราคาถูก) – 300,000 (เช่นสาธิตเกษตรอินเตอร์) หรือ ค่าเทอมต่างประเทศเฉลี่ยปีละ 8 แสน++
มหาวิทยาลัย =>
เอาหล่ะ…ตอนนี้ลูกบรรลุนิติภาวะแล้ว ต่อไปนี้ชีวิตของลูกเป็นของลูก