จั๊กจี้ลูก ควรเล่นแต่พอดี เล่นแรงเกินไป ไม่ใช่เรื่องดีต่อลูก - Amarin Baby & Kids
จั๊กจี้ลูก

จั๊กจี้ลูก ควรเล่นแต่พอดี เล่นแรงเกินไป อาจไม่ใช่เรื่องดีต่อลูก

Alternative Textaccount_circle
event
จั๊กจี้ลูก
จั๊กจี้ลูก

จั๊กจี้ลูก –  การจั๊กจี้เจ้าตัวน้อยวัยหัดเดินของคุณสามารถกระตุ้นให้เกิดเสียงหัวเราะที่น่ารักที่สุดที่คุณเคยได้ยินได้  แต่การ “จั๊กจี้”  ที่มากเกินไป อาจทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กบางคนคิดว่า การจั๊กจี้สามารถส่งข้อความที่ไม่ถูกต้องไปยังเด็ก ๆ เกี่ยวกับความเป็นอิสระของร่างกายได้ เมื่อไหร่ที่ลูกวัยเตาะแตะของคุณยินดีที่จะเล่น และเมื่อไหร่ที่เด็กอาจจะไม่เป็นที่พอใจ หรือสร้างความสับสนให้กับเด็ก? เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรรู้ไว้ค่ะ

จั๊กจี้ลูก ควรเล่นใแต่พอดี เล่นแรงเกินไป อาจไม่ใช่เรื่องดีต่อลูก

การตอบสนองที่ทำให้เข้าใจผิด

เด็กส่วนใหญ่หัวเราะคิกคักหรือหัวเราะเบา ๆ เพื่อตอบสนองต่อการถูกจั๊กจี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะต้องสนุกกับประสบการณ์นั้นเสมอไป มนุษย์หัวเราะเมื่อถูกจั๊กจี้เป็นการตอบสนองอัตโนมัติเหมือนกับการจามแต่ถึงแม้พวกเขาจะหัวเราะเด็ก ๆ หลายคนอาจไม่สบายใจหรือเจ็บปวดในขณะที่ถูกจั๊กจี้ โดยสีหน้าท่าทางบางอย่างอาจแสดงให้เห็นว่าลูกแสดงออกถึงความเจ็บปวดและไม่สบายใจ แม้ในขณะที่พวกเขากำลังหัวเราะอยู่ก็ตาม

สัญญาณบ่งบอกว่าลูกอาจไม่ต้องการให้จั๊กจี้

อาจเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าเมื่อใดที่เด็กวัยเตาะแตะไม่ต้องการถูกจั๊กจี้ ในขณะที่เด็กบางคนเพลิดเพลินกับประสบการณ์โดนจั๊กจี้โดยไม่มีปัญหาใด แต่สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ต้องตระหนักรู้ และให้ความเคารพในเวลาที่พวกเขาไม่อยากให้คุณจั๊กจี้ แม้ว่าเด็ก ๆ จะหัวเราะ แต่คำตอบต่อไปนี้ควรเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณควรหยุด

  • แสดงความรู้สึกไม่สบายตัว เช่น จมูกยก หรือ แสยะยิ้ม
  • ตะโกนว่า “ไม่!” หรือ “หยุด!”
  • กรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว
  • ร้องไห้

หากเด็กวัยเตาะแตะขอให้คุณจั๊กจี้ ให้ใช้สัมผัสเบา ๆ และหยุดบ่อยๆ เพื่อดูว่าพวกเขาต้องการที่จะให้เล่นต่อไปหรือไม่ หากพวกเขาแสดงอาการไม่สบายข้างต้นให้หยุดและเปลี่ยนไปเล่นรูปแบบอื่น

ผลของการเล่นจั๊กจี้ ต่อความรู้สึกเป็นอิสระของร่างกาย

นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าลูกวัยเตาะแตะของคุณอาจไม่สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาสนุกกับการถูกจั๊กจี้หรือไม่ การจั๊กจี้ที่ลูกไม่สนุกด้วย สามารถส่งข้อความอันตรายเกี่ยวกับความเป็นอิสระของร่างกายความคิดที่ว่าการล้อเล่นของพ่อแม่ที่ขี้เล่นอาจมีผลกระทบทางจิตใจอาจดูไร้สาระ แต่หนึ่งในความรับผิดชอบของพ่อแม่คือ จะต้องสอนลูก ๆ ตั้งแต่อายุยังน้อยเกี่ยวกับความเป็นอิสระของร่างกาย การส่งเสริมให้เด็กใช้หลักการนี้ในสถานการณ์ที่มีสมาชิกในครอบครัวที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้พวกเขาต่อต้านและรายงานสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมได้ง่ายขึ้นในภายหลัง

จั๊กจี้ลูก
จั๊กจี้ลูก

เล่นอะไรให้ลูกฉลาด หมอแนะ! วิธีเล่นกับลูกตั้งแต่แรกเกิด – 5 ปี

14 วิธีเล่นกับลูก กระตุ้นพัฒนาการตามวัย ให้ฉลาด อารมณ์ดี ตั้งแต่เบบี๋

7 กิจกรรมเล่นกับลูก ได้จินตนาการ เสริมพัฒนาการลูกดีทุกด้าน

การสอนเรื่องความเป็นอิสระของร่างกาย

การสอนให้เด็กต่อต้านการสัมผัสที่ไม่ต้องการ สามารถช่วยให้พวกเขาพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญได้เช่นกัน การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อเด็กวัยเตาะแตะได้รับอนุญาตให้เลือกด้วยตนเองนั่นจะเป็นการพัฒนาสมองส่วนต่างๆ ที่ควบคุมการทำงานด้านการคิดบริหาร

คุณสามารถเสริมสร้างให้ลูกวัยเตาะแตะรู้ว่าพวกเขาต้องมีหน้าที่ในการดูแลปกป้องร่างกายของตัวเอง โดยพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับความสำคัญของการเคารพขอบเขตทางร่างกายตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งสิ่งที่ควรสอนลูกมีดังนี้

  • การขออนุญาตจากผู้อื่นก่อนสัมผัส ตัวอย่างเช่น สอนให้ถามเพื่อนก่อนที่จะลูกจะกอดตุ๊กตาหมีตัวโตของเพื่อน
  • เป็นเรื่องปกติที่จะพูดว่า “ไม่” หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสที่ไม่ต้องการ แม้กระทั่งจากสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้ใหญ่

สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกของคุณไม่มีปัญหาในการบ่งบอกความรู้สึกกับคุณ หากถูกสัมผัสในแบบที่พวกเขาไม่ชอบ การให้เด็กวัยเตาะแตะเป็นผู้นำในการตัดสินใจของตนเองรวมถึงการที่พวกเขาชอบถูกจั๊กจี้จะช่วยพัฒนาการทำงานของสมองในส่วนของการคิด และทักษะชีวิตอื่น ๆ ได้

วิธีอื่น ๆ ในการทำให้ลูกหัวเราะ

บางครั้งเราจี้บังคับเด็กวัยเตาะแตะเพื่อให้กำลังใจพวกเขาหรือเบี่ยงเบนความสนใจพวกเขาจากช่วงเวลาที่อารมณ์เสียหรืออารมณ์ฉุนเฉียวที่ทวีความรุนแรงขึ้น และเสียงหัวเราะอาจเป็นยาที่ดีที่สุดนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอารมณ์ขันช่วยให้เด็กวัยเตาะแตะเรียนรู้งานใหม่ ๆ ได้จริง 6

แต่มีวิธีที่ดีกว่าในการระบายความรู้สึกของการ์ตูนเข้าไปในสถานการณ์มากกว่าการซุ่มโจมตีจากการจั๊กจี้ที่อาจไม่ต้องการ วิธีเชื่อมต่อกับเด็ก ๆ ผ่านอารมณ์ขันมีดังนี้

ทำหน้าตลก : การได้เห็นพ่อแม่ทำสีหน้าท่าทางที่แปลกประหลาดสามารถทำให้เด็ก ๆ มีความสุขและนำมาซึ่งเสียงหัวเราะได้
พูดเรื่องตลกที่เหมาะกับวัย : เช่น ” เมื่อกี๊แม่ได้ยินเสียงกบร้องที่ก้นลูก แต่มันดังปู๊ด!! มันใช่กบร้องมั้ยนะ? ”
ทำเสียงแปลกๆ  : เด็กทารกและเด็กเล็กๆ ชอบเสียงแปลกๆ ที่พวกเขาอาจไม่เคยได้ยิน ลองเอาขวดน้ำ ที่ใช้แล้วมาบีบให้เกิดเสียงกร๊อบแกร๊บต่อหน้าพวกเขาดูสิ รับรองว่าต้องมีเสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาจากลูกได้ไม่มากก็น้อยค่ะ

จั๊กจี้ลูก

เลือกวิธีการอื่นในการเชื่อมต่อทางกายภาพ

การเชื่อมต่อทางกายภาพเช่นเดียวกับการสัมผัสระหว่างพ่อแม่และลูกมีความสำคัญมาก เป็นวิธีสำคัญที่พ่อแม่และลูกจะสื่อสารกันโดยไม่ใช้คำพูด สิ่งนี้ช่วยควบคุมอารมณ์ของเด็กและเกี่ยวข้องกับความภาคภูมิใจในตนเองความพึงพอใจในชีวิตและความมั่นใจในภายหลัง

มีทางเลือกมากมายนอกจากการการจั๊กจี้ เพื่อช่วยประสานความผูกพันทางร่างกายที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก เช่นกิจกรรมสร้างความใกล้ชิดเหล่านี้:

อ่านหนังสือด้วยกัน : ถามบุตรหลานของคุณว่าพวกเขาต้องการนั่งบนตักของคุณเพื่ออ่านนิทานหรือไม่ หรืออาจให้บุตรหลานของคุณเป็นคนอ่านนิทานให้คุณฟังก็ย่อมได้

การนวด: เป็นที่ยอมรับว่าทารกได้รับประโยชน์จากการนวด ซึ่งคุณสามารถทำตามเทคนิคเดียวกันในการนวดเด็กวัยเตาะแตะได้เช่นเดียวกัน โดยใช้โลชั่นหรือกับน้ำมันหอมระเหยที่คุณชื่นชอบหนึ่งหยด (โปรดตรวจสอบกับกุมารแพทย์ของคุณก่อนใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวหนังของเด็กวัยหัดเดิน)

ให้ลูกขี่หลัง : หากเป้าหมายของคุณคือการสร้างความสุขและความสนุกให้ลูก ลองจับลูกขึ้นหลังแล้วบอกว่าคุณคือม้าของลูกดูสิ แล้วถามลูกประมาณว่า จะให้ไปที่ไหน?? ให้ลูกตอบ แล้วคุณก็พาลูกขี่หลังวิ่งไปรอบบ้าน วิธีนี้จะช่วยสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและความสุขให้กับลูกได้แน่นอนค่ะ

การจั๊กจี้เกี่ยวข้องกับเสียงหัวเราะช่วงเวลาดีๆและความใกล้ชิดของพ่อแม่ลูก แต่อาจถึงเวลาที่ต้องคิดทบทวนถึงแรงกระตุ้นของเราที่จะใช้รูปแบบการเล่นที่เจ็บปวดในบางครั้งเพื่อสร้างความผูกพันกับลูก ๆ ของเราโดยเฉพาะเด็กวัยเตาะแตะที่อาจขาดทักษะในการพูดเพื่อสื่อสารถึงความรู้สึกไม่สบายตัว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่า พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อทางกายภาพที่ใกล้ชิดกับลูก เพราะแน่นอนว่าสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กอย่างไม่น่าเชื่อ แต่อย่างไรก็ตามควรเล่นด้วยความอ่อนโยนและแน่ใจว่าลูกของคุณยินดีที่จะเล่นด้วย การส่งเสริมให้เด็ก ๆ เลือกว่าต้องการให้พ่อแม่เล่นกับพวกเขาด้วยการสัมผัสกับร่างกายของพวกเขาหรือไม่อย่างไร เป็นการสอนให้พวกเขาฝึกการสื่อสารความต้องการและให้ลูกได้เรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นอิสระและการเป็นเจ้าของร่างกาย ช่วยให้เด็กๆ ได้คิดตัดสินใจด้วยตัวเองเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้ลูกเกิด ความฉลาดในการเล่น (PQ) ได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : verywellfamily.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

“ยิ่งเล่น ยิ่งฉลาด “ พัฒนา PQ (Play Quotient) สร้างลูกให้ฉลาดแข็งแรงจากการเล่นแสนสนุก

ชวนลูกเล่น เกมต่อบล็อคไม้ Katamino Family

ให้ ลูกเล่นเลอะเทอะ บ้างสิดี! เลอะแบบนี้ ดีต่อพัฒนาการ!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up