4. โรค มือ เท้า ปาก (Hand Foot Mouth disease)
โรงพยาบาลถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคเอาไว้มากมาย ซึ่งโรค มือ เท้า ปาก ก็สามารถติดได้จากโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน การได้รับโรคนี้ง่ายมาก หากเด็กหรือผู้ใหญ่หายใจ หรือไปสัมผัสเข้ากับเชื้อของโรคนี้ก็สามารถเจ็บป่วยขึ้นมาได้ สิ่งที่น่ากลัวของโรคมือ เท้า ปาก คือ เป็นเชื้อไวรัสที่ไม่มียารักษา เมื่อเป็นแล้วการรักษาคือการประคับประคองและรักษาไปตามอาการเท่านั้น กว่าจะมีอาการดีและหายอาจต้องนอนพักรักษาตัวให้แข็งแรงอยู่หลายสัปดาห์
5. โรคสุกใส
เป็นอีกหนึ่งโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก ยิ่งกับเด็กๆ ที่อยู่รวมกันในสถานทีเดียวกัน เช่น โรงเรียน บ้าน หรือที่โรงพยาบาล ก็สามารถได้รับเชื้อจากผู้ป่วยที่เป็นโรคสุกใสอยู่ได้ โรคสุกใสเป็นโรคที่ติดได้ทางอากาศและการสัมผัส สะเก็ดของสุกใสที่ลอยอยู่ในอากาศสามารถผ่านมาตามระบบท่อเครื่องปรับอากาศของโรงพยาบาล เมื่อเด็กๆ ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอหากได้หายใจรับเอาเชื้อสุกใสเข้าไปในร่างกาย ก็สามารถทำให้เกิดอาการป่วยเพราะสุกใสได้ค่ะ ขอบอกว่าผู้ใหญ่ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอก็สามารถเจ็บป่วยจากโรคสุกใสได้เช่นกัน
6. โรคเชื้อสวาปามเนื้อ (Flesh-eating bacteria)
แค่ได้ยินชื้อโรคก็น่ากลัวแล้วใช่ไหมคะ ซึ่งเต็มจริงๆ ของโรคนี้คือ โรคเชื้อดื้อยา “เอ็มอาร์เอสเอ (MRSA)” เป็นเชื้อดื้อยาที่มีสิทธิ์มาติดคนไข้ที่มานอนรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ อาการของโรคคือ จะมีไข้สูงมาก และอาจมีจุดที่ผิวหนัง มีรอยแดงกว้างจากนั้นไม่นานเชื้อก็จะลามลึกไปในผิวหนังจนทำให้เกิดเนื้อตายเป็นวงใหญ่
7. โรคท้องเสีย
เป็นโรคที่เกิดกับลำไส้ ที่ทำให้มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ซึ่งมาจากโรงพยาบาลโดยตรง โรคนี้คือ ท้องเสียจากการให้ยาปฏิชีวนะมากเกินไป(Antibitic-associated diarrhea (AAD)) โดยเชื้อโรคนี้จะเป็นสปอร์ที่ล่องลอยอยู่ในโรงพยาบาล แล้วเมื่อคนไข้ที่นอนรักษาตัวอยู่บริโภคเข้าไปโดยไม่รู้ตัวผ่านทางอาหารก็จะทำให้เกิดลำไส้ติดเชื้อขึ้นได้
8. โรคเยื่อหุ้มสมองติดเชื้อลุกลามในเลือด (Meningococcal disease)
โรคนี้ทำให้เด็กที่ติดเชื้อนั้นเสียชีวิตได้ ส่วนในรายที่รอดได้ก็จะต้องตัดแขนตัดขาส่วนที่ติดเชื้อออกไปเพื่อรักษาชีวิต โรคนี้ไม่พบบ่อยแต่เมื่อเป็นแล้วถือว่ารุนแรงถึงชีวิตเลยค่ะ
เห็นจาก 8 โรคนี้แล้วเชื้อว่าคุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้ลูกเจ็บป่วยด้วยโรคใดเลยใช่ไหมคะ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลรักษาสุขภาพของลูกๆ และรวมถึงของพ่อแม่ด้วย ให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะได้ลดการไปโรงพยาบาลที่อาจไปสัมผัสเข้ากับเชื้อโรคร้ายต่างๆ ได้
อ่านต่อ >> “วิธีดูแลสุขภาพให้มีภูมิคุ้มกันห่างไกลจากโรค” หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่