คุณกำลัง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น ค้น ปวดท้อง แสบร้อนบริเวณช่องคลอด อยู่หรือเปล่า??
มีอาการคัน ปวดท้อง แสบร้อนบริเวณช่องคลอด อาจเกิดจากความผิดปกติบางอย่างได้ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย เชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงสาเหตุอื่น เช่น การอักเสบ เนื้องอก มะเร็ง รวมทั้งมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด
ในที่นี้จะกล่าวถึงการติดเชื้อของช่องคลอดที่เป็นสาเหตุพบได้บ่อย มี 3 โรค
- ติดเชื้อจากแบคทีเรีย Bacterial vaginosis (BV) พบได้ประมาณ 50 % อาการที่พบบ่อยที่สุด คือ ตกขาวมีกลิ่นอับ กลิ่นคาวปลา มักมีกลิ่นรุนแรงภายหลังการร่วมเพศ เมื่อตรวจทางช่องคลอดจะพบตกขาวสีขาวเทา ลักษณะเหลวเนื้อละเอียดคล้ายกาวแป้งมัน ตกขาวลักษณะเป็นฟอง พบได้ 10% โดยทั่วไปถือว่า BV เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (แต่ไม่เสมอไปทุกกรณี) มีระยะฟักตัวประมาณ 5-10 วัน สตรีกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคนี้ ได้แก่ สตรีที่มีคู่นอนหลายคน สวนล้างช่องคลอด ขาดเชื้อแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด
- เชื้อปรสิต Trichomonas vaginitis พบได้ประมาณ 25 % เชื้อนี้อาศัยอยู่ในช่องคลอดและทางเดินปัสสาวะตอนล่างของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอด ปากมดลูก ท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะได้ อัตราการติดต่อทางเพศสัมพันธุ์สูง อาการที่นำผู้ป่วยมาตรวจ คือ ตกขาวปริมาณมาก (profuse discharge) บ่อยครั้งที่มีมากจนรู้สึกชื้น และระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด สีของตกขาวมีตั้งแต่สีขาว เทา เหลืองหรือเขียว ในรายที่เป็นแบบเรื้อรังมักจะมาด้วยอาการเพียงอย่างเดียว คือ ตกขาวมีกลิ่นเหม็น
- การเสียสมดุลของสภาวะภายในช่องคลอด พบได้ประมาณ 25 % ปกติช่องคลอดจะเป็นกรดอ่อน ๆ ช่วยปรับสมดุลภายในช่องคลอดให้มีการเจริญเติบโตของเชื้อประจำถิ่น (แลคโตบาซิลัส) อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคอื่น ๆ แต่ถ้ามีอะไรบางอย่างทำให้ภาวะตรงนั้นเปลี่ยนแปลงไป ก็จะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เช่น เชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรีย และเกิดอาการตกขาวผิดปกติได้ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดตกขาวในสาเหตุนี้ ได้แก่ การใช้ยาปฏิชีวนะ การตั้งครรภ์ โรคเบาหวาน การใช้ยาคุมกำเนิด (ชนิดที่มี high dose estrogen) ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การใส่ชุดชั้นในที่รัดแน่น อากาศระบายได้ไม่ดี ลักษณะตกขาวมีตั้งแต่เหลว จนถึงเหนียวข้น สีขาวหรือขาวเหลือง มักไม่มีกลิ่น ปริมาณอาจมากหรือน้อยได้ อาการมักกำเริบในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน และทุเลาลงหลังประจำเดือนมาแล้ว
การรักษาตกขาว
การทำความสะอาดช่องคลอดที่ถูกวิธี
- การทำความสะอาดช่องคลอด จะล้างมากหรือน้อยไปก็ไม่ดี เพราะจริง ๆ แค่ล้างด้วยน้ำเปล่าเช้าเย็นก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ เพราะความเป็นด่างในสบู่จะไปลดความเป็นกรดในช่องคลอดได้ หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ หรือกรณีที่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อเยอะ อาจล้างทำความสะอาดแล้วซับให้แห้ง โดยเช็ดจากอวัยวะเพศไปทวารหนัก เพื่อไม่ให้เชื้อโรคจากทวารหนักติดต่อมายังช่องคลอด รวมทั้งเปลี่ยนกางเกงใน เพื่อป้องกันเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน
Don’t : หลายคนกังวลเรื่องการทำความสะอาดมากจนเกินไป สวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำสะอาด และพยายามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อมาช่วยทำความสะอาด ทำให้เกิดการขาดความสมดุลในช่องคลอด และอาจทำให้เกิดการระคายเคือง การใช้น้ำยาล้างทำความสะอาดเฉพาะนั้น ถ้าจะใช้ก็สามารถใช้ได้ แต่ต้องอ่านฉลากให้ดี เพราะบางยี่ห้อมีน้ำยาสำหรับเฉพาะบุคคลด้วย เช่น กลุ่มเด็กก่อนมีประจำเดือน กลุ่มผู้หญิงวัยมีประจำเดือน กลุ่มวัยหมดประจำเดือน เป็นต้น แต่ถ้าเป็นยี่ห้อทั่วไป มักจะเหมาะกับคนที่ยังมีประจำเดือนมากกว่าเด็กหรือผู้หญิงวัยทอง - เลือกใส่เครื่องเสื้อผ้าที่เป็นมิตร สภาพอากาศบ้านเราค่อนข้างร้อน ดังนั้น แฟชั่นรัดรูป ฟิต ๆ อาจทำให้การระบายเหงื่อ และความชื้น ระบายออกลำบากขึ้น ทำให้จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ แนะนำให้ลองเปลี่ยนมาใส่กางเกงผ้าฝ้าย สบาย ๆ จะดีกว่า
- ดูแลสุขภาพภายใน ช่วงวันนั้นของเดือน ช่วงเวลาที่มีประจำเดือน หากเป็นไปได้แนะนำเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ หรืออย่างน้อย เช้า กลางวัน เย็น และผ้าอนามัยที่ใช้ควรสะอาดปลอดภัย และได้มาตรฐาน ไม่ควรเก็บผ้าอนามัยในที่อับชื้น เพราะจะทำให้เป็นเชื้อราได้ง่าย
- สังเกตความผิดปกติน้องสาวอยู่เสมอ ควรรู้จักสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ บริเวณอวัยวะเพศ เช่น คันในช่องคลอด ตกขาวมากจนผิดสังเกต อวัยวะเพศมีกลิ่น ตกขาวมีสีผิดไปจากเดิม หรือเวลาปัสสาวะแล้วรู้สึกเจ็บเหมือนปัสสาวะไม่สุด ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุอีกที เพราะไม่สามารถดูแค่สีของตกขาวแล้ว จะบอกโรคได้อย่างชัดเจน อีกทั้งไม่ต้องพยายาม “สวนล้าง” เข้าไปในช่องคลอดด้วยตนเอง เพื่อทำความสะอาด เพราะจะเป็นอันตรายมากกว่ารักษาหาย ทางที่ดีเมื่อรู้สึกผิดปกติควรพบแพทย์ดีที่สุด
ข้อมูลอ้างอิงจาก www.chularat11.com/www.pobpad.com/w1.med.cmu.ac.th/www.paolohospital.com/ramachannel
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่