ภาพประกอบ “สิ่งที่ลูกคิด”
เมื่อแม่ ระเบิดอารมณ์ใส่ลูก!
ทั้งนี้เกี่ยวกับปัญหานี้ มีอาจารย์คนหนึ่ง ใช้วิธีการวาดรูปเพื่อให้เด็กๆแสดงความรู้สึกที่แท้จริง ผ่าน “Schreimutter” ซึ่งเป็นหนังสือภาพเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ที่โด่งดัง จนได้รับรางวัลพิเศษสำหรับภาพประกอบ โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า…
เมื่อเช้า.. อยู่ดีๆแม่ฉันก็โมโหใหญ่
แม่ตวาดฉันเสียงดัง
ฉันตกใจจนร่างกายแยกออกเป็นชิ้นๆ
หัวของฉันลอยไปในจักรวาล
พุงของฉันตกลงไปในทะเลลึก
ปีกของฉันตกลงไปในป่า
ปากของฉันไปติดอยู่บนภูเขาสูง
แล้วหางของฉันล่ะ? มันไปตกอยู่กลางถนน
ฉันเหลือแค่ขาสองข้าง วิ่งสิวิ่ง… ฉันอยากร้อง แต่ไม่มีปาก ฉันอยากมอง แต่ไม่มีตา ฉันอยากบิน แต่ไม่มีปีก วิ่งสิวิ่ง ฉันวิ่งจนเย็นถึงทะเลทรายซาฮาร่า ฉันเหนื่อยแล้ว ตอนนั้นเงาใหญ่เข้ามาปกคลุมตัวฉัน
ที่แท้ก็คือแม่ขี้โมโหของฉันขับเรือมาตามหาฉัน แม่เอาส่วนต่างๆที่หลุดลอยไปในที่ต่างๆกลับมาให้ฉัน เอากลับมาเย็บกลับไปอยู่ที่เดิม
แล้วสุดท้ายก็มาเจอเท้าของฉัน ก็เอามันเย็บเข้าด้วยกัน
“แม่ขอโทษ” แม่ขี้โมโหบอกฉัน แล้วพวกเราก็ขับเรือกลับบ้านกัน เรื่องราวจบลงแบบนี้ แต่จิตใจของฉันกลับยากที่จะสงบลง จำได้ว่าไม่กี่วันก่อน ลูกบอกฉันว่า: “แม่คะ ถ้าหนูมีน้อง หนูจะพูดกับน้องดีๆ จะไม่ทำเหมือนที่พ่อแม่ทำกับหนู ไม่โมโห ไม่ตวาด”
มีบางครั้ง ฉันโกรธจนพูดเสียงดังใส่ลูก แกร้องไห้แล้วบอกฉันว่า : “แม่คะ อ่อนโยนกับหนูหน่อย”
จริงๆแล้ว หลายๆครั้งที่ฉันพยายามควบคุม เพราะฉันเป็นเด็กที่ถูกตวาดด้วยเสียงอันดังมาก่อน เมื่อก่อนฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนในบ้านถึงขี้โมโห คุณย่าชอบโกรธ พ่อก็ชอบโมโห ทำให้ฉันกลายเป็นคนแบบนี้
ต่อมาฉันถึงได้ตระหนักว่าครอบครัวส่งผลกระทบต่อฉันอย่างมาก ในเมื่อผู้ใหญ่ที่บ้านล้วนเป็นคนแบบนั้น ใช้คำพูดแบบนั้นในการสื่อสารกัน ทำให้ฉันกลายเป็นคนแบบนี้
แต่ฉันก็รู้สึกว่าฉันทำไม่ถูก หลายๆครั้งที่ฉันทำให้คนไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว เพราะโทนเสียงของฉันทำให้คนอื่นเข้าใจผิด แม้ว่าจะเป็นการพูดด้วยความหวังดี แต่คนอื่นไม่อินด้วย
จนวันหนึ่ง เมื่อลูกสาวทำน้ำเสียงเหมือนกับฉัน ฉันถึงรู้ว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ฉันให้ลูกเตือนสติเวลาฉันพูดเสียงดัง แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะไม่ง่าย แต่ฉันก็ค่อยๆรับรู้ได้ว่า บรรยากาศในครอบครัวดีขึ้นมาก อารมณ์ของตัวเองก็ดีขึ้น จริงๆแล้ว ตอนแรกๆที่ฉันหงุดหงิดใส่ลูก ก็เพราะแกยุ่งตอนฉันทำงาน เมื่อเจอปัญหาแล้ว ฉันก็พยายามทำงานที่ออฟฟิศให้เต็มประสิทธิภาพที่สุด เมื่อกลับมาบ้าน จะได้มีเวลาให้ลูกอย่างเต็มที่ หรือเวลาที่จำเป็นต้องใช้มือถือหรือใช้คอมพิวเตอร์ ฉันก็จะบอกลูกอย่างชัดเจน “แม่จำเป็นต้องดูมือถือแป๊ปนึง น่าจะประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะมีงานสำคัญ” เมื่ออธิบายให้แกฟังดีๆ ลูกก็เข้าใจ เพราะว่าพวกแกรู้เรื่องกว่าที่เราคิดมาก
อ่านต่อ >> “วิธีที่พ่อแม่ใช้พูดคุยกับลูก
และสิ่งที่ควรทำหลังจากแผดเสียงใส่ลูก” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่