กฎการเลี้ยงลูกของชาวยิว ที่ทำให้ลูกเป็นอัจฉริยะ และฉลาดที่สุดในโลก
โดยในคัมภีร์ของชาวยิวจะกล่าวไว้ว่า ”อย่าเชื่อถ้าไม่ได้คิดวิเคราะห์อย่างถ่องแท้” ความคิดเช่นนี้ทำให้ศาสนายิวต่างจากศาสนาอื่น ๆ ที่เน้นให้เชื่อและศรัทธาอย่างการเชื่อในพระเจ้าหรือการเชื่อในการกลับชาติมาเกิดเป็นต้น
แต่สำหรับคนยิวจะถูกสอนให้ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ถึงแม้จะเป็นพระหรือพ่อแม่ก็จะสอนว่าห้ามเชื่อในสิ่งที่บอกจนกว่าจะได้คิดพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ในการเรียนการสอนของชาวยิวจะเน้นไปที่การถามตอบจนกว่าจะเข้าใจโดยเฉพาะในโรงเรียนสอนศาสนายิว
ซึ่งหลักการดังกล่าวใกล้เคียงกับการเรียนการสอนในหลักสูตรสมัยใหม่มากและเป็นหลักของวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน อย่างเรื่องอดัมกับอีฟที่แอบกินแอ๊ปเปิ้ลในสวนอีเดนจนถูกพระเจ้าขับไล่ออกมา นักศึกษาชาวยิวจะตั้งคำถามว่า อดัมกับอีฟกินแอปเปิ้ลจริง ๆ หรือไม่?.. ซึ่งถ้าดูเผิน ๆ อาจจะจริงแต่ชาวยิวจะบอกว่าไม่ใช่ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีต้นแอปเปิ้ลในดินแดนปาเลสไตน์ และน่าจะเป็นผลมะเดื่อมากกว่าเพราะหลังจากกินผลไม้แล้วอดัมกับอีฟนำใบมะเดื่อมาปกปิดร่างกาย เป็นต้น
ดังนั้นการที่คุณพ่อคุณแม่อยากจะให้ลูกเป็นเด็กฉลาด หรือมีความเป็นอัจฉริยะได้นั้น อาจต้องเรียนรู้จากหลักการของชาวยิว แต่ว่าถึงจะมีคำแนะนำหรือเคล็ดลับต่าง ๆ ที่ทำให้ลูกเก่งได้ แต่ความจริงแล้วการเลี้ยงเด็กนั้นไม่มีอะไรตายตัว ซึ่งคุณแม่ชาวยิวนั้นไม่ต้องอ่านบทความเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กมากมาย แต่ลูก ๆ ของคนยิวนั้นเก่งกันเยอะมาก แล้วคุณแม่ชาวยิวจะมีความลับของการเลี้ยงลูกให้ฉลาดได้อย่างไรนั้น ตามไปดูกันค่ะ
1. ชมลูกถึงความพึ่งพาในตัวเองได้
สำหรับครอบครัวส่วนใหญ่ มักจะสนับสนุน คอยช่วยเหลือส่งเสริมอย่างเต็มที่ เพื่อให้ฝันอันแสนไกลของลูกไกลถึงที่หมาย นั่นหมายถึงลูกจะประสบความสำเร็จได้ ถ้าลูกคิดว่าตัวเองสามารถทำทุกอย่างได้
ซึ่งพ่อแม่ชาวยิวก็ยึดแนวคิดเช่นนี้ เพียงแต่หากลูกฝันให้ไกลและต้องการไปให้ถึงแล้ว ลูกจะต้องเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง ให้ความสำคัญกับการที่เด็กสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์นี้ ในร้านกาแฟที่อิสราเอล เราจะเห็นว่าเด็กอายุ 1 ขวบสามารถกินอาหารเองได้แล้ว นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ปล่อยให้เด็กทำทุกทุกอย่างที่สามารถทำได้เอง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพร่างกายและวัยของเด็ก ๆ ที่จะทำได้ด้วยนะคะ
2. ทุกอย่างย่อมเป็นเรื่องยากก่อนเสมอ และมันจะง่ายขึ้นมาเอง
สำหรับพ่อแม่ชาวยิวแล้ว จะเปิดโอกาสให้ลูกลองทำอะไรหรือสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง โดยต้องเห็นความสำคัญกับความพยายามของเด็ก ๆ ถ้าเด็ก ๆ เริ่มทำงานอดิเรกใหม่ ๆ พ่อแม่ก็ควรจะสนับสนุนเด็ก ๆ
ซึ่งแน่นอนว่าบางสิ่งบางอย่างในครั้งแรกนั้นย่อมอาจไม่สำเร็จงอย่างง่าย ๆ เสมอไป และถ้าเด็ก ๆ ทำไม่ได้ดี พ่อแม่ก็จะปลอบใจและสนับสนุนให้ลูกเกิดความพยายามที่ลองใหม่อีกครั้ง โดยบอกว่า “การเริ่มต้นมันยากแบบนี้แหละ” การกระทำแบบนี้จะทำให้ลูก เกิดการเรียนรู้และความพยายาม
3. การเชื่อใจในตัวลูก คือรางวัลที่ดีที่สุด
เมื่อลูกทำสิ่งใดได้ดี พ่อแม่ชาวยิมมักจะคอยแอบดู พร้อมให้รางวัลความพยายาม แต่จะไม่ใช่การให้ขนมหรือลูกอม
สำหรับครอบครัวชาวยิว เด็ก ๆ จะได้รางวัลเป็นความไว้ใจ และความเชื่อใจ ซึ่งถ้าพ่อแม่ไว้ใจให้ลูก ๆ ทำอะไรเอง เด็ก ๆ ก็จะรู้ว่าพวกเขาทำสิ่งนั้นได้ดี
เพราะการจ้องจับผิดของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้น แม้จะทำไปด้วยความหวังดี แต่บางครั้งก็ทำเอาลูกหมดกำลังใจและหมดความพยายามที่จะทำสิ่งนั้น ๆ ซึ่งการเชื่อใจนั้นจึงเป้นเรื่องจำเป็นมาก ที่จะช่วยสร้างทักษะให้ลูกมีความรับผิดชอบและการวางแผนการทำงานต่อ ๆ ไป
อ่านต่อ >> “กฎการเลี้ยงลูกของชาวยิว ที่ทำให้ลูกเป็นอัจฉริยะ และฉลาดที่สุดในโลก” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่