การพยาบาลทารกที่มีภาวะหยุดหายใจจากการเกิดก่อนกำหนด
สำหรับการพยาบาลทารกที่ได้รับการรักษาโดยใช้ยาเท่านั้น พยาบาลที่ดูแลทารกแรกเกิดจะให้ทารกได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์ โดยยากระตุ้นศูนย์หายใจที่ใช้บ่อย คือ กลุ่ม methylxanthine และ doxapram
- Methylxamthine ได้แก่ theophylline และ caffeine ซึ่งออกฤทธิ์กระตุ้นศูนย์หายใจทำงานเพิ่มขึ้น เพิ่มความไว และลด threshold ของศูนย์หายใจต่อคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้กระบังลมหดตัวดีขึ้นและอ่อนล้า (fatigue) ช้าลง นอกจากนี้ยังยับยั้งการทำงานของ adenosine ซึ่งเป็น neurotransmitter ที่กดการหายใจ (ประวิน จันทร์วิทัน, 2546)
- Doxapram โดยยานี้ถ้าให้ในขนาดต่ำจะกระตุ้น carotid body chemoreceptor ถ้าให้ในขนาดสูงจะกระตุ้นศูนย์หายใจ เนื่องจากนี้ยังไม่มีใช้ในประเทศไทย จึงไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียด
- พยาบาลที่ดูแลทารกแรกเกิด จะทำการประเมินติดตามการตอบสนองต่อการรักษา ภายหลังให้ยากระตุ้นศูนย์หายใจ ภาวะหยุดหายใจของทารกควรจะหายไป
- ประเมินติดตามผลข้างเคียงของยา ได้แก่
- หัวใจ ยานี้ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ดังนั้นก่อนให้ยานี้แก่ทารก จะต้องประเมินอัตราการเต้นของหัวใจ หากมากกว่า 180 ครั้ง/นาที งดให้ยาและรายงานแพทย์ทราบ
- ทางเดินอาหาร อาจทำให้อาการท้องอืด ความสามารถในการรับนมลดลง สำรอกนม
- การเผาผลาญ อาจเกิดน้ำตาลในเลือดสูง จึงควรสังเกตอาการปัสสาวะออกมาก และตรวจหาน้ำตาลในปัสสาวะ
- ระบบประสาท จะทำให้เกิดอาการมือเท้าสั่น ตื่นตัวง่าย ถ้ารุนแรงอาจเกิดอาการชักได้
- ดูแลให้ทารกได้รับการตรวจระดับยาในเลือด เนื่องจากการตอบสนองต่อยาแตกต่างกันในทารกแต่ละคน ดังนั้นทารกจึงควรได้รับการตรวจระดับยาในเลือด เพื่อปรับระดับยาหากทารกมีการตอบสนองต่อยาน้อย หรือเกิดผลข้างเคียงของยามาก
- ประเมินติดตามภาวะหยุดหายใจของทารกภายหลังหยุดให้ยา เนื่องจากยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาของการให้ยา และวิธีหยุดยาไว้แน่นอน ดังนั้นหากแพทย์มีแผนการรักษาให้หยุดยาดังกล่าว พยาบาลจะต้องประเมินติดตามภาวะหยุดหายใจของทารกภายหลังแพทย์หยุดให้ยา เพื่อจะได้รายงานแพทย์ต่อไป หากทารกกลับมีภาวะหยุดหายใจและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
อ่านต่อบทความอื่น่าสนใจ คลิก!
- คลอดก่อนกำหนด อันตราย กว่าที่คิด!!!
- คลอดก่อนกำหนด เรื่องที่แม่ท้องต้องรู้สาเหตุและวิธีป้องกัน
- ประสบการณ์จริงจากแม่ : คลอดก่อนกำหนด เพราะลูกเหนื่อย จนเกือบเสียชีวิตในท้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.cmnb.org