6. เมื่อพาลูกไปเที่ยว แล้วลูกน้อยเล่นเพลินเกินเวลา
ในบางครั้งเราเห็นเด็กบ้านอื่นไม่มีพฤติกรรม “เอ้อระเหย” อยากรู้ไหมคะว่าเขามีเคล็ดลับอย่างไรกัน
- กำหนดเวลาชัดเจน ก่อนให้เล่น บอกเด็กทุกครั้งว่า เขามีเวลากับกิจกรรมนี้เท่าไหร่ แม้เขาจะยังฟังไม่เข้าใจหรอกว่า 2 นาที ต่างกับ 10 นาทีอย่างไร แต่เด็กก็จะรู้สึกถึงวินัยว่าเขามีเวลาจำกัดในการเล่นครั้งนั้น หากคุณไม่ได้กำหนดเวลาเล่นไว้ให้เขาตั้งแต่แรก เมื่อเขางอแงขอเล่นต่อแล้วผู้ใหญ่บอกเด็กว่าให้เล่นอีกแปบเดียวนะ แล้วกลับไปนั่งเล่นนั่งคุยกันต่อ เด็กอาจจะเข้าใจว่าไม่ต้องรีบกลับ จนกว่าคุณพ่อคุณแม่จะมาตามอีกครั้ง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้อาจส่งผลให้ลูกน้อยกลายเป็นเด็กผัดวันประกันพรุ่งได้
- มาแจ้งเตือนก่อนหมดเวลา เมื่อใกล้ถึงกำหนดเวลากลับแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เตือนเขาก่อน “เหลืออีก 10 นาทีนะลูก” เพื่อให้เขาได้เตรียมตัวเตรียมใจ แล้วยืนรอเขาเพื่อเป็นภาษาท่าทางให้รู้ว่าเรามีเวลาจำกัดจริงๆ
เรื่องเวลานี้ส่งผลต่อวินัยของลูก หากคุณไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กชักช้า ก็อย่าปล่อยให้เขาผ่อนผลัดให้กับเขามากนัก ลองใช้ 2 วิธีนี้ดู
7. เมื่อ พาลูกไปเที่ยว แล้ว “ลูกจะซื้อของที่ระลึก”
ตามสถานที่ท่องเที่ยวมักมีจุดขายของที่ระลึกซึ่งสามารถดึงดูดเด็กๆ ให้สนใจได้ไม่ยาก เพื่อป้องกันการงอแงเพราะอยากได้ของเล่นเกินราคา และป้องกันลูกยอกย้อนถามว่า “ทำไมซื้อให้หนูไม่ได้ ทีคุณพ่อคุณแม่ยังซื้อของตัวเองเลย” อาจารย์แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่แยกกระเป๋าสตางค์ให้ชัดเจนและให้งบประมาณเขาสามารถซื้อของที่อยากได้ในราคาที่เหมาะสม
- ให้เงินจำนวนหนึ่ง โดยให้เด็กบริหารเอง เช่น ให้เขาพกเงินไว้ 50 บาท และให้เขาตัดสินใจซื้อของด้วยตัวเองตามวงเงินนั้น เมื่อเขามีเงินของตัวเองจะได้รู้ว่าเงินของเขากับเงินของคุณพ่อคุณแม่เป็นคนละส่วนกัน เขาจะรู้ว่าเขาซื้อของได้ในราคาเท่านี้
- อยากได้ของแพง เมื่อลูกอยากได้ของแพงขึ้นมา “แม่ไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอก” “เราจะเอาไปใช้ทำอะไรจ้ะ” “แม่เคยเห็นที่อื่นขายถูกกว่านี้ เงินส่วนต่างที่เหลือนี้เราเอาไปซื้อหนังสือนิทานได้อีกหลายเล่มเลยนะ” หรือหากเด็กเข้าใจและรับรู้ได้แล้ว ก็สอนตรงๆ ได้ว่า “แม่ว่ามันไม่จำเป็นนะคะ”
- มีอยู่แล้ว บางทีลูกก็ยังไม่รู้ความว่าของตรงหน้านี้ต่างกับของที่เขามีอย่างไร ความอยากก็ทำให้เขายืนกรานจะซื้อ คุณสอนให้เขาประเมินค่าความไม่จำเป็นเหล่านี้ได้ด้วยคำพูดง่ายๆ ว่า “ถ้าลูกอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ แม่จะเอาพี่หมีที่บ้านบริจาค” เพื่อให้เขารู้ว่าสิ่งของบางอย่างไม่จำเป็นต้องมีหลายอัน
นอกจากนี้เรากับลูกจะต้องตกลงกันก่อนว่าจะไม่ซื้อของที่เป็นอันตราย ของที่ไม่มีประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องซื้อฝากเพื่อนมากมายขนาดนั้น เป็นโอกาสอันดีที่จะสอนเรื่องคุณค่าของเงิน
8. เมื่อลูกน้อยกลัวหรือไม่กล้าร่วมกิจกรรมที่คุณพ่อคุณแม่เสียสตางค์ไปแล้ว
เป็นธรรมดาของเด็กที่จะตื่นเต้นดีใจเมื่อรู้ว่าจะได้ไปเที่ยว แต่เมื่อไปพบเจอบรรยากาศจริงๆ อาจไม่ชอบอย่างที่คิด หากเป็นกรณีนี้อาจารย์แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมเราต้องบังคับฝืนใจให้ลูกน้อยทำ” การพามาเที่ยวก็เพื่อสร้างความสุขและความทรงจำที่ดีให้ลูกน้อย แต่หากคุณพ่อคุณแม่เสียดายสตางค์แล้วบังคับให้เขาร่วมกิจกรรมจนเกิดความกลัว ทริปในฝันอาจกลายเป็นฝันร้ายฝังใจไปอีกนาน
ซึ่งแทนที่จะยัดเยียดความทรงจำที่ไม่ดีให้ลูกน้อย ขอให้คุณพ่อคุณแม่คิดเสียว่าจ่ายเงินเพื่อซื้อประสบการณ์ ให้รู้ว่าลูกของเรากลัวสิ่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงต่อไปในอนาคตหรืออาจค่อยๆ หาวิธีปรับเปลี่ยนทัศนคติ แล้วให้เขามาทดลองเล่นใหม่ในวันที่พร้อมกว่านี้ก็จะเป็นการดีที่สุด